เจาะเวลามาเป็นมือปราบ

เขาคือนักเขียนชื่อดังแห่งยุค ผู้ประพันธ์นวนิยายกำลังภายในขนาดยาวที่ตีพิมพ์ต่อเนื่องมากว่าห้าสิบเล่ม ระหว่างขับรถเพื่อไปร่วมงานแฟนมีตติ้งที่ทางสำนักพิมพ์จัดขึ้น รถคู่ใจเกิดมีปัญหา พาร่างของเขาร่วงหล่นจากเนินเขา เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง กลับพบว่าตนเองกลายเป็น หลี่ซูเหวิน คุณชายช้ำรักแห่งตระกูลที่ล่มจมผู้หนึ่ง พร้อมกับข้าวของสารพัดที่ทะลุมิติติดตัวมาด้วย

National Geographic

อ่านนิตยสาร National Geographic ภาษาไทยในรูปแบบอีบุ๊ค

ARACHNID มือสังหารสายพันธุ์แมงมุม

"อลิซ" เป็นนักเรียนมัธยมปลายที่อาศัยอยู่กับลุง วันหนึ่งเธอต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ลุงของเธอโดนฆ่าโดยนักฆ่าที่เรียกตัวเองว่า “แมงมุม” (คุโมะ) เธอหมดสติไปและเมื่อลืมตาขึ้นมาสิ่งที่เห็นคือตัวเองอยู่ในบ้านของ “แมงมุม” นั่น… แถมยังถูกฝึกให้เป็นนักฆ่าโดย “แมงมุม” ที่ว่าอีกต่างหาก

KINDLE E-BOOK ลดสูงสุด 29%

สำหรับผู้ที่จริงจังกับการอ่าน Amazon Kindle เป็นเครื่องอ่านหนังสือที่ใช้งานง่าย ตัวอักษรคมชัด จอใหญ่ มีไฟในตัวเอง ทำให้อ่านได้แม้ในที่มืด น้ำหนักเบาพกพาสะดวก แบตเตอรี่อยู่ได้นาน ช่วยให้คุณพกพาห้องสมุดส่วนตัวไปอ่านได้ทุกที่และทุกเวลา

BEST ROMANTIC SET

The Host ร่าง...อุบัติรักข้ามดวงดาว, ลุ้นรักคุณพ่อกำมะลอ, บ่วงมนตรา เสน่หารัตติกาล A discovery of witches, ใต้เงารัตติกาล Shadow of Night

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Change You life with NLP : เปลี่ยนชีวิตของท่านด้วยเอ็นแอลพี Part 1 : Sensory


Change Youพ Life with NLP 
เปลี่ยนชีวิตของท่านด้วยเอ็นแอลพี โดย พูนศักดิ์ ธนพันธ์พานิช (www.thaihypnosis)
Part 1 : Sensory

สารบัญ
เอ็นแอลพี (NLP)
สี่ปัจจัยความสำเร็จ
สมมุติฐานสิปประการ
ประสาทสัมผัส
ทำหรือไม่ทำ
ต้นกำเนิด
การควบคุม
สมบัติชิ้นใหม่
สร้าง Resourceful
ความเชื่อและการกำหนดคุณค่า
การเดินทางความเชื่อสู่ความสำเร้จ
รายละเอียด
การทอดสมอ
กระแสแห่งอารมรมณ์
กังหันลม
ออโตเจนิค
ผู้สังเกตการณ์
Phobia Cure
สลับอารมณ์ของคุณ
นอนไม่หลับ
ท่าทาง
กิจกรรม
กรอบความคิด
กรอบของเหตุการณ์
หกขั้นตอนสำหรับเปลี่ยนกรอบความคิด
ฉันมาจากอนาคต
ฉันมาจากอดีต
มองจากมุมอื่น
ฉันกำลังเปลี่ยนไป

เอ็นแอลพี
คำว่า "เอ็นแอลพี" (NLP) เป็นตัวอักษรย่อโดยมาจากคำเต็มว่า Neuro - Linguistic Programing ในภาษาไทยเราโดยส่วนใหญ่จะใช้คำว่า Neuro หมายถึงระบบประะสาทในร่างกายทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นสมองระบบประสาทประสาทสัมผัสหรือระบบประสาทสั่งงานต่างๆ คำว่า Linguistic หมายถึงภาษาศาสตร์หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับภาษา เมื่อนำมารวมกันก็จะหมายถึงภาษาที่ระบบประสาทในร่างกายใช้ในการสื่อสารกับสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะสื่อสารกับโลกภายนอกหรือสื่อสารกันเองภายในร่างกายก็ตาม ส่วนคำว่า Programing หมายถึงการเขียนโปแกรมหรือการสร้างกำหนดการทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบมีแบบแผนที่แน่นอน พอนำทั้งสามคำนี้มารวมกันก็จะมีความหมายในทำนองว่าการกำหนดโปรแกรมการทำงานของการสื่อสารภายในระบบประสาท

เราต้องเข้าใจก่อนว่าผลลัพธ์ของการสื่อสารภายในระบบประสาทที่ว่านี้ก็คือสิ่งที่เรียกว่าจิตใจอันเป็นกำเนิดของทุกพฤติกรรมที่ถูกแสดงออกมาไม่ว่าจะโดยรู้ตัวก็ไม่ก็ตาม ดังนั้นโดยเนื้อแท้แล้วเอ็นแอลพี (NLP) จึงว่าด้วยเรื่องการกำหนดรูปแบบการทำงานของระบบประสาทหรือจิตใจขึ้นมาเสียใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามรูปแบบที่เราต้องการอย่างแท้จริง โดยการกำหนดรูปแบบใหม่ที่ว่านี้ก็เพื่ออำนาวยนวยให้ผู้คนสามารถไปถึงควมาสุขแลำสำเร็จที่พวกเขาต้องการได้ 

ความสุขและความสำเร็จนี้เองคือผลลัพธ์สูงสุดที่เอ็นแอลพี (NLP) ต้องการ

ในระดับสากลแล้วเอ็นแอลพี (NLP) มักได้การรับการยกย่องว่าเป็น "ศาสตร์แห่งความสำเร็จ" (Science of Success) นี้ฟังแล้วเหมือนจะเป็นการโฆษณาอวดอ้างอยู่สักหน่อย แต่เราก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเอ็นแอลลพี (NLP) มันถุกสร้างมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ เรื่องราวของเอ็นแอลพี (NLP) เริ่มต้นขึ้น ในขณที่ ริชาร์ด แบนด์เลอร์ (Richard Banler) นักศึกษาภาควิชาจิตวิทยาคนหนึ่งของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียกำลังฟังเทปบันทึกกการบำบัดของนักจิตบำบัดแนวเกสตอลท์ (Gestalt) ที่ชื่อฟริตซ์ เพิรล์ (Fritz Perl) เพื่อถอดเทปเป็นรายงานส่งให้ ดร.โรเบิรต์ สปิตเซอร์ (Robiert Spitzer) อาจารย์ของเขา ในขณะที่ถอดเทปอยู่นั้น ริชาร์ตได้สิงเกตูว่าการบำบัดนั้นมีรูปแบบการใช้ถ้อยคำที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวบางอย่างแฝงอยู่ซึ่งการทำการบำบัดของเพิร์ลประสบความสำเร็จได้มากกว่านักบำบัดคนอื่นๆ เขามีแนวคิดว่าหากสามารถถอดแบบรูปแบบเฉพาะนี้ออกมาได้ก็หมายความว่าใครๆ ก็สามารถทำการบำบัดให้ได้ผลความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมไม่แตกต่างไปจากนักบำบัดระดับปรมาจารย์อย่างเพิร์ลดังนั้นริชาร์ดจึงได้นำประเด็นนี้ไปปรึกษากับอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาซึ่งในที่สุดอาจารย์ของเขาก็ได้แนะนำเขากับ ดร.จอห์น กรินเดอร์ (John Grinder) ผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษาศาสตร์ จากนั้นทั้งสองจึงได้ร่วมกันศึกษาวิธีการสื่อสารของเพิร์ลอย่างละเอียดนอกจากนี้ก็ยังได้ทำการศึกษาการทำงานของนักจิตวิทยาบำบัดระดับปรมาจารย์อีกหลายท่านเช่น เวอจิเนีย ซะเทียร์ (Virgina Satir) ผู้ริเริ่มเทคนิคบำบัดปัญหาครอบครัว หรือ ดร.มิลตัน เอช. อีริคสัน จิตแพทย์ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งเทคนิคการสะกดจิต (Hynopsis) สมัยใหม่ จนกระทั่งพวกเขาทั้งสองสามารถคิดค้นหลักการของ Meta Model ซึ่งเป็นหลักการที่ว่าด้วยเรื่องของรูปแบบคำพูดบางอย่างที่แสดงถึงโครงสร้างภายในระบบประสาทของแต่ละคนซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นทั้งหมดของศาสตร์เอ็นแอลพี และหลังจากนั้นเอ็นแอลพีก็เป็นที่สนใจต่อทั้งนักจิตวิทยาและนักภาษาศาสตร์ทั่วโลก มีงานวิจัยทางจิตวิทยาจำนวนนมากที่ได้ถูกนำมาพัฒนาต่อยอดเอ็นแอลพี (NLP) ออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งในที่สุด ริชาร์ด แบนด์เลอร์ ก็ได้นำเอาเอ็นแอล (NLP) พ้นออกจากการอยู่เพียงแค่วงนักวิชาการโดยนำเอาเอ็นแอลพี (NLP) ออกมาเผยแพร่ต่อผู้คนทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ ผู้บริหารองค์กร นักกีฬา ตลอกจนบุคคลทั่วไปที่ต้องการความสำเร็จนชีวิต ใช้เวลาไม่นานนักเอ็นแอลพี (NLP) ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นศาสตร์แห่งความสำเร็จที่เยี่ยมยอดที่สุดชนิดหนึ่งที่โลกนี้เคยมีมา

สำหรับเอ็นแอลพี (NLP) แล้ว เราถือว่าทุกความสำเร็จมีรูปแบบเฉพาะของมันซึ่งมันจะเกิดขึ้นแบบวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดังนั้นอย่าแปลกใจเลยถ้าหากคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจึงมักประสบความสำเร็จซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างอัศจรรย์ การศึกษาเอ็นแอลพี (NLP) ก็คือการศึกษารูปแบบความสำเร็จเหล่านั้นนั่นเองครับ


4 ปัจจัยความสำเร็จ

สำหรับเนื้อหาต่อไปนี้เป็นพื้นฐานที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับเอ็นแอลพี (NLP) เพราะตัวเอ็นแอลพี (NLP) เองจะมีฤทธิ์เดชสรรค์สร้างความสำเร็จให้แก่ผุ็คนได้มากมายแค่ไหนมันขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ที่จะได้กล่าวถึงในต่อไปนี้

เพื่อความสำเร็จเมื่อใช้งานเอ็นแอลพี (NLP) ไม่ว่าด้วยจุดประสงค์ใดหรือกับใครก็ตามเราต้องการอะไรบ้าง?

เพื่อความสำเร็จเมื่อใช้งานเอ็นแอลพี (NLP) ไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์ใดหรือกับใครก็ตามเราต้องการอะไรบ้าง?

เพื่อความสำเร็จของตัวเอ็นแอลพี (NLP) เองเอ็นแอลพี (NLP) ต้องการปัจจัยพื้นฐานสี่ประการเท่านั้น ทั้งสี่ประการนี้สำคัญมากจนเอ็นแอลพีเรียกว่า "สี่เสาหลักของความสำเร็จ" (Four Pillar of Success) เพราะเปรียบเสมือนเสาหลักสี่ต้นที่คอยค้ำพยุงความสำเร็จของเอ็นแอลพี (NLP) เอาไว้ หากขาดหรืออ่อนแอไปเพียงเสาใดเสาหนึ่งโครงสร้างความสำเร็จทั้งหมดก็อาจจะพังทลายลงมาได้ เสาทั้งสี่ต้นนี้ประกอบไปด้วย

เสาต้นที่หนึ่ง "ผลลัพธ์ที่ต้องการ" (Outcome) ประการแรกสุดเหนือสิ่งอื่นใดที่จะต้องมีก็คือเราจะต้องรู้ว่าเราต้องการผลลัพธ์อะไร ยิ่งต้องการผลลัพธ์มากเท่าไหร่เอ็นแอลพี (NLP) ก็ยิ่งขับเคลื่อนแล่นฉิวไปอย่างสะดวก ยิ่งผลลัพธ์ที่ต้องการมีความชัดเจนมีรายละเอียดที่สามารถระบุได้อย่างแน่นอนเอ็นแอลพี (NLP) ก็ยิ่งทำงานง่ายยิ่งขึ้น แต่ถ้าไม่รู้ไม่มี หรือไม่ชัดเจนทุกอย่างก็จบ

เสาต้นที่สอง ที่เอ็นแอลพี (NLP) ต้องการก็คือ "ความยืดหยุ่น" (Flexible) คำว่ายืดหยุ่นในที่นี้หมายถึงความยืดหยุ่นในเชิงพฤติกรรมโดยเฉพาะพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้รับผลจากเอ็นแอลพี (NLP) ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตามหากเป็นคนที่มีบุคลิกยืดหยุ่นสูงสามารถปรับเปลี่ยนได้ง่าย ยอมรับต่อสิ่งใหม่ๆ ได้ดี ไม่ยึดติดต่อรูปแแบบความเคยชินของตัวเองมากจนเกิดการปิดกั้นการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เอ็นแอลพีก็สามารถทำงานกับเขาได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าปริมาณของความยืดหยุ่นในเชิงพฤติกรรมเริ่มลดลง เริ่มมีความยึดติดกับความเคยชินเดิม เริ่มมีการปฏิเสธหรือต่อต้านสิ่งใหม่ๆ ที่กำลังรับรู้อยู่ (และอาจจะไปขัดแย้งกับความเคยชินเก่าของตัวเอง) เอ็นแอลพี( NLP) ก็เริ่มทำงานได้ยากขึ้น ต้องการจำนวนครั้งของการทำซ้ำที่มากขึ้นเพื่อไปให้สู่ความสำเร็จ แต่หากคนๆ นั้นขาดซึ่งความยืดหยุ่นไม่สามารถเปิดใจยอมรับต่อสิ่งใหม่ได้เลย โดยคอยแต่จะยึดติดกับรูปแบบความเคยชินเก่าของตัวเองอย่างเหนียวแน่น เอ็นแอลพี (์NLP) ก็ไม่สามารถให้ผลลัพธ์ใดต่อคนๆ นั้นได้อย่างแน่นอน

สำหรับเสาต้นที่สามก็คือ "ความมีมิตรภาพ" (Rapport) คำว่ามิตรภาพในที่นี้หมายถึงความปราถนาดี ความไว้ใจ ความเชื่อใจ หรือความยอมรับที่มีให้แก่กัน เอ็นแอลพี (NLP) ถือว่าความมีมิตรภาพต่กันเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่จะช่วยให้ปัญหาที่เคยยุ่งยากกลายเป็นเรื่องง่ายได้อย่างน่าอัศจรรย์ หลายปัญหาสามารถแก้ได้ทั้งที่เจ้าตัวยังไม่ได้ออกปากขอความช่วยเหลือหรือลงมือทำสิ่งใดเลยด้วซ้ำไป (อีกฝ่ายจัดการให้เองหมด) แต่ถ้าขาดความมีมิตรภาพต่อกันเสียแล้ว สิ่งที่ตามมาย่อมหนีไม่พ้นความหวาดระแวง ความกลัว ความสงสัย ความไม่เข้าใจกัน การปิดกั้น การไม่ยอมรับต่อกันซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้ให้ผลดีใดๆ ต่อเอ็นแอลพี (NLP) เลยแม้แต่น้อย

และเสาต้นสุดท้ายของเอ็นแอลพี (NLP) ก็คือ"ประสิทธิภาพของระบบประสาท" ระบบประสาทสัมผัสอันได้แก่ความสามารถในการรับรู้ภาพ เสียง กลิ่น รส และสัมผัสเป็นประตูด่านแรกของทั้งหมด ถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่พร้อมเช่นหูหนอกตาบอดหรือสมองทำงานบกพร่องไปด้วยเหตุผลประการใดก็ตาม กระบวนการรับรู้และเรียนรู้ก็ย่อมไม่สามารถเกิดขึ้นได้หรือหากเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นในลักษณะที่ผิดปรกติออกไป ในทางตรงข้ามหากระบบประสาทสามารถทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถจินตยาการสร้างภาพ เสียง หรือความรู้สึกสัมผัสต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เอ็นแอลพี (NLP) ก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


สมมุติฐาน 10 ประการ

นอจากเสาหลักแห่งความสำเร็จทั้งสี่ที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว เอ็นแอลพี (NLP) ก็ยังมีข้อสมมุติฐานอีกสิบประการซึ่งถือว่าเป็นหลักการพื้นฐานที่สำคัญที่สุดที่นักเอ็นแอลพี (NLP) จะต้องยึดถือเป็นพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตามหากมีความขัดแย้งกับหลักการพื้นฐานทั้งสิบประการต่อไปนี้เสียแล้ว สิ่งนั้นเราก็ไม่อาจจะเรียกว่าเป็นเอ็นแอลพี (NLP) ได้อีกต่อไป โดยทั้งสิบประการที่ว่านั้นประกอบไปด้วย

หลักการข้อที่หนึ่งกล่าวว่า "แผนที่เป็นเพียงแผนที่ มันไม่ใช่และไม่มีวันเป็นพื่้นที่จริงอย่างเด็ดขาด" ประการแรกสุดนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด โดยเอ็นแอลพี (NLP) เปรียบเทียบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงว่าเป็นเสมือนพื้นที่หนึ่ง โดยเปรียบการรับรู้ของระบบประสาทที่เกิดขึ้นว่าเป็นเพียงแผนที่ฉบับหนึ่งที่ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อพยายามอธิบายพื้นที่นั้นซึ่งไม่ว่าแผนที่จะถูกเขียนขึ้นมาดีแค่ไหนก็ตามแผนที่ก็ยังคงเป็นได้แค่เพียงแผนที่ ไม่มีวันจะเป็นสิ่งเดียวกันกับพื้นที่จริงไปได้โดยเด็ดขาด การเขียนแผนที่ต่อให้เขียนดีแค่ไหนก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตัดรายละเอียดบางอย่างที่ไม่จำเป็นออกไปบ้าง ดีไม่ดีอาจจะเกิดความผิดเพี้ยนบางประการขึ้นมาจากกระบวนการวาดเขียนเสียด้วยซ้ำไป สำหรับการบวนการรับรู้ของระบบประสาทก็เช่นเดียวกัน เนื่องจากรายละเอียดของเหตุการณ์มันมากเกินกว่าที่ระบบประสาทจะสามารถรับรู้ได้ทั้งหมด ดังนั้นระบบประสาทจึงจำเป็นต้องมีกระบวนการในการคัดกรองและสรุปความหมายให้กับสิ่งที่รับรู้นั้น และบ่อยครังความผิดเพี้ยนบางประการก็เกิดขึ้นในการรับรู้ของแต่ละคน

สำหรับเหตุการณ์เดียวกันแต่ละคนอาจจะรับด้วยรูปแบบที่แตกต่างกันและตอบสนองด้วยวิธีการที่แตกต่างกันนั่นก็เพราะแผนที่ที่แตกต่างกัน การรับรู้เข้าใจและตอบสนองจึงมีลักษณะเฉพาะตัว ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามจงเคารพในแผนที่ของผู้อื่นเสมอ การที่แต่ละคนเอาแต่ใช้แผนที่ของตัวเองเป็นมาตรฐานไปวัดความผิดถูกกับแผนที่ของผู้อื่นซึ่งย่อมแตกต่างกันเป็นต้นเหตุที่สำคัญที่สุดของความขัดแย้ง ขอให้จดจำอยู่เสมอว่าความจริงเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล อาจจะตรงกันหรือขัดแย้งกันก็ได้เป็นเรื่องปรกติขึ้นอยู่กับวิธีการรับรู้ของแต่ละคนก็เท่านั้นเอง

หลักการข้อที่สองกล่าวว่า "ความหมายที่แท้จริงของการสื่อสารไม่ใช่วิธีการสื่อสาร หากแต่เป็นผลตอบรับที่ได้จากการสื่อสาร" อธิบายง่ายๆ ว่ามันไม่เกี่ยวเลยว่าคุณจะพูดหรือทำอะไร แต่มันอยู่เพียงแค่ว่าคนอื่นจะตีความหมายอย่างไรต่างหาก ถ้าคุณบอกว่าคุณอยู่เฉยๆ ไม่ได้พูดทำหรือสื่อสารอะไรเลยก็จริง แต่ผู้คนที่อยู่รอบๆ เขาจะคิดต่อการอยู่เฉยๆ ของคุณอย่างไรหล่ะ นั่นต่างหากที่ เอ็นแอลพี (NLP) เรียกว่าเป็นการสื่อสารที่แท้จริง ดังนั้นสำหรับเอ็นแอลพีแล้วการสื่อสารจึงไม่ใช่เรื่องของวิธีการ หากแต่เป็นเรื่องของผลลัพธ์ต่างหาก นอกจากนี้เอ็นแอลพี (NLP) ยังมองว่าไม่มีใครที่สามารถเลี่ยงการสื่อสารได้ เพราะมันจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลาไม่ว่าคุณจะทำหรือไม่ทำอะไรก็ตาม

หลักการข้อที่สามกล่าวว่า "พฤติกรรมที่เกิดขึ้นไม่ใช่ตัวตนของเรา" เพราะทุกๆ พฤติกรรมที่เกิดขึ้นเป็นเพียงผลจากการตอบสนองของระบบประสาทซึ่งเป็นไปตามกลไกของมันก็เท่านั้น ซึ่งก็อาจจะเป็นไปตามรูปแบบที่เราต้องการหรือไม่ต้องการก็ได้ เอ็นแอลพี (NLP) มองว่าความต้องการในระดับที่มีสติมีเหตุของเราต่างหากที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของเรา

หลักการข้อที่สี่กล่าวว่า "ในโลกนี้ไม่มีความล้มเหลว มีแต่ผลลัพธ์เท่านั้น" เมื่อเราทำสิ่งใดก็ตามผลลัพธ์ย่อมเกิดขึ้นไปตามการกระทำของเรา มันเป็นของมันอย่างนั้นเองไม่มีอะไรที่มากไปกว่านั้น ส่วนความพอใจหรือความผิดหวังมันเป็นเพียงผลจากกระบวนการสื่อสารของระบบประสาทกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นเท่านั้น เพราะฉะนั้นเอ็นแอลพีจึงมองว่าอารมณ์เหล่านี้ล้วนไม่มีอยู่จริงเป็นเพียงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นภายในระบบประสาทเท่านั้น ที่มีจริงได้มี เพียงหนึ่งเดียวคือผลลัพธ์จากการกระทำเท่านั้น และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรเราไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากยอมรับต่อผลที่กำลังเกิดขึ้น

หลักการข้อที่ห้ากล่าวว่า "จิตและกายเป็นหน่วยเดียวกัน" ข้อนี้อาจจะขัดกับความเคยชินพื้นฐานของชาวเอเซียซึ่งมักกล่าวว่าจิตเป็นนายกายเป็นบ่าวหรือจิตนั้นย่อมมีอำนาจเหนือร่างกาย สำหรับเอ็นแอลพี (NLP) กลับมองว่าทั้งกายและจิตสอลสิ่งนี้เป็นกลลไกหน่วยเดียวกัน มีความเสมอเท่าเทียมกัน มีการเชื่อมโยงถึงกันชนิดที่ว่าไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เมื่อเกิดบางสิ่งขึ้นกับร่างกายจิตย่อมได้รับผลกระทบ และในทางตรงกันข้ามหากจิตใจเปลี่ยนแปลงไปร่างกายก็ย่อมเกิดตอบสนองตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้เพราะว่าจิตก็คือผลลัพธ์การทำงานของโครงข่ายระบบประสาทที่ปกคลุมอยู่ทั่วไปตลอดทั้งร่างกายของเรานั่นเอง

หลักการข้อที่หกกล่าวว่า "ทุกพฤติกรรมล้วนแล้วมีเจตนาดี" เพียงเจตนาดีที่ว่านี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของคำว่า "ต่อตนเอง" ไม่ว่าจะโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เช่น ถ้าใครสักคนจะยิงปืนใสอีกคน ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาทำจะไม่เป็นเจตนาดีที่ตรงไหน แต่สำหรับส่วนตัวเขาเองนี่ย่อมเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ในวินาทีนั้นในบริบทนั้น เช่นถ้าไม่เหนี่ยวไกยิงออกไปในวินาทีนั้นตัวของเขาเองก็อาจจะเป็นฝ่ายโดนยิงเสียเองก็ได้ ดังนั้นเอ็นแอลพี (NLP) จึงมองว่าเมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือก เราก็จะเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุดต่อตัวเองในวินาทีนั้นในบริบทนั้นเสมอ เพียงแต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงในต่อมารวมถึงผลต่อเนื่องที่จะตามมามันจะเป็นอย่างไรมันก็เป็นอีกเรื่อง และผลลัพธ์ที่ได้นั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเราทำได้เพียงยอมรับมันเท่านั้นไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก

หลักการข้อที่เจ็ดกล่าวว่า " การมีทางเลือกมากย่อมเป็นการดีเสมอ" เอ็นแอลพีมองว่าการที่ปัญหามันเป็นปัญหานั้นโดยเนื้อแท้มันเกิดจากภาวะการไม่มีทางเลือก หากเราสามารถมีทางเลือกอื่นขึ้นมาได้ปัญหามันก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป สมมุติว่าปัญหาของเราคือ ไม่มีเงินถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเราต้องแย่แน่ๆ แต่เมื่อทางเลือกอื่นๆ มันสามารถเกิดขึ้นมาได้ เช่น เอาของบางอย่างไปขาย สามารถไปขอเงินจากแม่ หรือมีแหล่งกู้ยืมเงินมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ ยิ่งมีทางเลือกเพิ่มมากยิ่งขึ้นเท่าไหร่ความหนักหน่วงของปัญหาก็ยิ่งเบาบางลงตามไปด้วย ที่เหลือก็แค่ตัดสินใจเลือกเท่านั้นว่าจะใช้ช่องทางไหนเป็นคำตอบ และแนน่อนเราจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเสมอในบริบทนั้นๆ เสมอดังที่ได้กล่าวไปแล้ว

หลักการข้อที่แปดกล่าวว่า "ความสำเร็จจะเกิดขึ้นเมื่อทรัพยากรมีความพร้อมเพรียง" แน่นอนเอ็นแอลพี (NLP) ไม่ได้มองว่าเราจะสำเร็จได้เพราะโชคช่วย อะไรก็ตามที่เราได้มาแบบไม่ได้เจตนานั่นไม่เรียกว่าความสำเร็จเพราะมันเพียงเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น และเราก็ไม่สามารถทำให้มันเกิดซ้ำตามความต้องการได้ด้วย ความต้องการที่ทำให้เกิดขึ้นโดยเจตนาต่างหากคือความสำเร็จที่แท้จริง เอ็นแอลพี (NLP) มองว่าการเกิดขึ้นของความสำเร็จนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการมีทรัพยากรที่มีความพรอม ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ความสำเร็จก็ย่อมเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้เสียด้วยซ้ำไป เช่นถ้าความสำเร็จที่ต้องการก็คือไข่เจียวหอมๆ ซักหนึ่งจานเราก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าไข่ น้ำมัน เครื่องปรุง เครื่องครัวทั้งหลาย วิธีการทอดที่ถูกต้อง และที่ขาดไม่ได้คือ ความต้องการผลลัพธ์คือไข่เจียวหอมๆ ซักจาน ไม่ว่าจะไข่เจียวหรือธุรกิจพันล้าน เอ็นแอลพี (NLP) มองว่าการไปสู่ความสำเร็จในระดับหลักการนั้นมันไม่ได้ต่างกันเลยแม้แต่น้อย และแน่นอนที่สุดว่าถ้าวิธีการแบบนี้ องค์ประกอบแบบนี้ เงื่อนไขแบบนี้มันได้ผลกับคนหนึ่งมันก็ย่อมได้ผลกับคนอื่นเช่นกัน

หลักการข้อที่เก้ากล่าวว่า "ถ้าไม่เปลี่ยนวิธีการ ผลลัพธ์ก็จะไม่มีวันเปลี่ยน" อะไรก็ตามที่เคยทำด้วยวิธีการเดิมๆ เสมอ เรื่องนี้ไม่ต้องดูอะไรยากๆ ดูแค่ปลากระป๋องบนสายพานในโรงงานกระป๋องก็แล้วกัน ทุกกระป๋องออกมาเท่ากันหมดหรืออย่างน้อยเรียกว่าใกล้เคียงกันหมดก็เพราะว่าทุกกระป๋องมาจากวัตถุดิบแบบเดียวกันวิธีการผลิตแบบเดียวกัน ลองถ้ามีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบเหล่านี้ออกไปบ้างผลลัพธ์ก็ย่อมเปลี่ยนไปอย่างไม่ต้องสงสัย ชีวิตของเราเหมือนกัน หลายคนอาจนึกเบื่อหน่ายรูปแบบชีวิตแบบเดิมๆ ของตัวเองเสียเต็มทีแล้ว เื่อไหร่ฉันจะรวยซักที เมื่อไหร่ฉันจะก้าวหน้ากว่านี้ แต่ไม่ว่าจะตัดพ้อต่อว่าตัวเองไปมากแค่ไหนก็ตามตราบใดที่วิธีการใช้ชีวิตยังเป็นแบบเดิม ยังคิดพูดหรือกระทำในรูปแบบเดิมด้วยวิธีการเดิมๆ ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมเป็นแบบเดิมเสมออย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าไม่เปลี่ยนวิธีการมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนทั้งนั้น จนกว่าวิธีการบางอย่างจะเปลี่ยนไปนั่นแหล่ะผลลัพธ์จึงจะเปลี่ยนแปลง

และหลักการที่สิบกล่าวว่า "ทุกคนมีทรัพยากรที่เท่ากัน" คำว่าทรัพยากรในที่นี้เอ็นแอลพี (NLP) กำลังหมายถึงระบบประสาทอันถือว่าเป็นต้นทุนแท้จริงของคนทุกคน ในโลกนี้หากไม่โชคร้ายได้เิกมาเป็นคนพิการเสียก่อน เอ็นแอลพี (NLP) ถือว่าทุกคนเท่าเทียมกันหมด พวกเราทุกคนต่างก็มีสมองหนึ่งก้อนและมีโครงข่ายประสาทที่ทำงานด้วยหลักการเดียวกันทัดเทียมไม่มีใครพิเศษไปกว่ากัน จะต่างกันจริงๆ ก็เพียงแควิธีการทำงานวิธีการทำงานภายในระบบประสาทของแต่ละคนเท่านั้นที่ผลักดันให้แต่ละคนมีความแตกต่างกัน เรื่องประเภทที่ว่าชีวิตเกิดมายากจนแร้นแค้นไม่มีต้นทุนชีวิตอะไรหนำซ้ำบางคนยังมีร่างกายพิการแต่ก็สามารถใช้ชีวิตจนประสบความสำเร็จอย่างสวยงามทำนองนี้ผมคิดว่าพวกเราคงผ่านตากันมาบ้างแล้ว อาจจะบ่อยเสียด้วยซ้ำไปทั้งหมดก็เกิดจากจิตใจอันเป็นผลจากระบบประสาทของพวกเขา แล้วระบบประสาทของคุณหล่ะทำงานอย่างไร คุณคิดอย่างไร รู้สึกอย่างไร พูด ทำ หรือไม่ทำอะไรบ้าง ระบบประสาทของคุณตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิด อย่างไรบ้าง นั่นต่างหากคือต้นทุนไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงสำหรับเอ็นแอลพี

เปลี่ยนชีวิตของท่านด้วย NLP เล่ม 1 (อีบุ๊คแจกฟรี!)


เปลี่ยนชีวิตของท่านด้วย NLP


วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

มีดบินไม่พลาดเป้า เล่ม 2


มีดบินไม่พลาดเป้า เล่ม 2

ชุด มีดบินของลี้น้อยเซี่ยวลี้ปวยตอ

มือกระบี่มากรักกระบี่ไร้น้ำใจ จิตวิญญาณแห่งวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่

คำนำสำนักพิมพ์
"มีดบินไใม่พลาดเป้า" เป็นอมตะผลงานของ มังกรโบราณ "โก้วเล้ง"

"มีดบินไม่พลาดเป้า" เขียนถึงพฤติการณ์ของลีชิ้มฮัวผู้ตรอมตรม แฝงด้วยอดีตอันหม่นหมอง หากแต่มีดบินในมือของเขากลับเป็นที่คร่ำคร้ามของคนทั้งแผ่นดิน และเซี่ยวลี้ปวยตอ (มีบินของลี้น้อย) ไม่เคยพลาดเป้ามาก่อน

ด้วยตัวละครอันมีมิติ การดำเนินเรื่องที่ชวนติดตาม และปรัชญาแสนคมคายที่แฝงอยู่ในเรื่อง นักอ่านหลายท่าน นักวิจารณ์หลายคนล้วยแล้วแต่ยกย่องให้เรื่อง "มีดบินไม่พลาดเป้า" นี้ จัดเป็นผลงานที่ดีที่สุดของโก้วเล้ง

คำกล่าวนี้ที่แท้เป็นจริงหรือไม่ เมื่อท่านพลิกอ่านจบ ท่านจะทราบเอง
สำนักพิมพ์สยามอินเตอร์บุ๊คส์

คำนำผู้แปล
เซี่ยวลี้ปวยตอ (มีดบินไม่พลาดเป้า) ถือเป็นผลงานชิ้นสุดยอดในชีวิตการเขียนของ โกวเล้ง มังโบราณผู้ล่วงลับ ซึ่งเขียนภาคที่ 1 ตอเช้งเกี่ยม และบ้อเช้งเกี่ยม (มือกระบี่มากรักกระบี่ไร้น้ำใจ) เมื่อ ค.ศ. 1968 (พ.ศ. 2511)และเขียนภาคจบสมบูรณ์ทิต้าไต้เฮียบฮุ้น (ธาตุแท้วีรบุรุษหาญกล้า) ในต้นปี 1970 (พ.ศ. 2513) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไฟแห่งการสร้างสรรค์ของโก้วเล้งลุกโชนที่สุด และได้รับยกย่องเป็นวรรณกรรมกำลังภายในที่ดีเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์ยุทธจักรนวนิยายยุคหลัง

ตัวเองของเรื่อง เซี่ยวลี้ปวยตอ (มีดบินไม่พลาดเป้า) มีหลายฉายานามด้วยกันทั้ง ท้ำฮวยนึ้ง (ท่านท้ำฮวย) ลี้ท้ำฮวย (ท้ำฮวยแซ่ลี้) เซี่ยวลี้ปวยตอ (มีดบินของลี้น้อย) และเซี่ยวลี้ซิ้งตอ (มีดบินวิเศษของลี้น้อย) แต่ชื่อแซ่ที่ออกเสียงตามสำเนียงแต้จิ๋วที่ต้องสมควรเรียกว่าลี้ชิ้มฮัว ซึ่งแปได้ความหมายว่าแสวงหาความสำราญ

เซี่ยวลี้ปวยตอ มีดบินไม่พลาดเป้าที่จัดพิมพ์ขึ้นใหม่นี้ เป็นฉบับลิขสิทธิ์ถูกต้อง แปลจากต้นฉบับจีนซึ่งจัดพิมพ์ที่ไต้หวันและฮ่องกง ได้รับการตีพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างแพร่หลาย

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คุณค่าแห่งวรรณกรรมของเซี่ยวลี้ปวยตอ มีดบินไม่พลาดเป้า ตลอดจนจริยธรรมอันยิ่งใหญ่ของลี้ชิ้มฮัว จะประทับอยู่ในความทรงจำของท่าน ชวนให้รำลึกนึกถึงตราบนานเท่านาน
น.นพรัตน์


มีดบินไม่พลาดเป้า เล่ม 2
โก้วเล้ง, น.นพรัตน์
www.mebmarket.com
เรื่องราวเล่าถึง มีดสั้นยาวสามนิ้วเจ็ดหนุของลี้น้อยหรือลี้ชิ้มฮัวที่ไม่เคยพลาดเป้าและเป็นที่ครั่นคร้ามทั้งยุทธจักรเล่าถึงอาฮุยมือกระบี่ผู้เงียบขรึมแต่ระอุอุ่นด้วยน้ำใจ เล่าถึงลิ้มเซียนยี้ สตรีผู้มีความงามปานล่มเมือง และเล่าถึงเซี่ยงกัวกิมฮ้งยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแผ่นดิน ทุกคนผูกพันบุญคุณความแค้นของยุทธจักรโก้วเล้งดำเนินเรื่องราวอย่างคมคายด้วยปรัชญา เข้มข้นด้วยบทบู๊อันรวบรัด สมกับที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสุดยอดนวนิยายกำลังภายใจของมังกรโบราณท่านนี้

บทที่ 18 เหตุแปรเปลี่ยนรายทาง

ลี้ชิ้มฮัวเอนการบนตัวรถ มองดูซิมไบ๊ไต้ซือกับฉั้งฉิกที่ด้านตรงข้ามคล้ายมองดูจนกระตือรือร้นสนใจ อดยิ้มออกมามิได้

ฉั้งฉิกถลึงมองลี้ชิ้มฮัว กล่าวว่า "ท่านรู้สึกว่าพวกเราขบขันยิ่ง?" 

ลี้ชิ้มฮัวเสียงเนิบนาบว่า "ข้าพเจ้าเพียงรู้สึกว่าน่าสนใจ ยิ่ง" 

"น่าสนใจยิ่ง?"

ลี้ชิ้มฮัวอ้าปากหาวคำหนึ่ง หลับตาลง คล้ายคิดหลับใหลแล้ว

ฉั้งฉิกยื่นมือรวบคว้าปกเสื้อลี้ชิ้มฮัว กล่าวว่า "เรามีอันใดน่าสนใจ?"

ลิ้ชิ้มฮัวกล่าวว่า "ขออภัย ข้าพเจ้าไม่ได้หมายถึงท่าน ในโลกแม้มีผู้คนมากหลายน่าสนใจ ท่านกลับมีข้อยกเว้น ท่านไม่น่าสนใจถึงที่สุด"

ฉั้งฉิกหน้าแปรเปลี่ยนไป ถลึงมองลี้ชิ้มฮัวชั่วขณะ ในที่สุดคลายมือออกช้าๆ 

ซิมไบ๊ไต้ซือคล้ายไม่ได้รับฟังคำโต้ตอบของทั้งสอง แต่ยามนี้อดกล่าวมิได้ว่า "ท่านเห็นอาตมาน่าสนใจยิ่ง?"

ลี้ชิ้มฮัวอ้าปากหาวอีกครา ยิ้มอย่างเกียจคร้านกล่าวว่า "ข้าพเจ้าเห็นว่าท่านน่าสนใจ" เพราะข้าพเจ้ายังไม่เคยเห็นหลวงจีนโดยสารรถมาก่อน ข้าพเจ้ามีความรู้สึกว่าบรรพชิตไม่อาจขี่ม้า และไม่อาจโดยสารรถ"

ซิมไบ๊ไต้ซือกลับยิ้มออกมา กล่าวว่า "หลวงจีนก็เป็นคน มิเพียงต้องโดยสารรถ ยังต้องรับประทานข้าว"

"ท่านเมื่อโดยสารรถ ใยไม่นั่งให้สบายกว่านี้? ข้าพเจ้าดูจากท่านั่งของท่าน แทบเข้าใจว่าท่านมีฝีที่ก้นก็มิปาน"

ซิมใบ้ไต้ซือหน้าเคร่งเครียดลง กล่าวว่า "หรือทานต้องการให้เราปิดปากของท่าน?"

"หากท่านคิดปิดปากข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอเสนอให้ขวดสุรา ทางที่ดีเป็นขวดสุราที่บรรจุด้วยสุรา"

ซิมไบ๊ไต้ซือกวาดมองฉั้งฉิกแว๊บหนึ่ง ฉัั้งฉิกยื่นมือออกช้าๆ จนถึงจุดใบ้ของลี้ชิ้มฮัว ยิ้มอย่างปลอดโปร่งกล่าวว่า "มือของเราข้างนี้พอกดลง ท่านคาดว่าจะเป็นอย่างไร?"

ลี้ชขิ้มฮัวยิ้มพลางกล่าวว่า "มือของท่านข้างนี้พอกดลง จะไม่ได้ยินคำพูดที่สนุุกสนานน่าสนใจแล้ว"

"ต่อให้เรา..."

เพิ่งกล่าวถึงตอนนี้ ไม่ทันกดมือลง พลันได้ยินม้าพ่วงพีแผดเสียงร้องด้วยความตระหนก คนขับรถตวาดด้วยโทสะ รถม้าพลันหยุดชะงักลง

รถม้าควบขับอย่างเร่งร้อน ยามนี้พลันหยุดลง ผู้คนภายในรถล้วนดีดกระดอนขึ้นจากที่นั่ง ศรีษะแทบปะทะชนกับเพดานรถ

ฉั้งฉิกกระชากเสียงว่า "เรื่องอันใด? หรือพวกเจ้า..."

พลางโพงกศรีษะออกนอกหน้าต่างรถ ต้องปิดปากลง สีหน้าก็แปรเปลี่ยนไป

ที่ข้างทางซึ่งสุมด้วยหิมะ ปรากฏคนผู้หนึ่งยืนตัวตรง มือขวารบคว้าสายบังเหียนของม้าเทียมรถไว้ ม้าพ่วงพีแผดเสียงร้อง ยกขาหน้าขึ้น มือของมันกลับคล้ายหลอมจากเหล็ก ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย

คนผู้นี้สวมชุดยาวสีเขียว แขนเสื้อกว้างใหญ่โชยพัดพลิ้ว ชุดยาวนี้ไม่ว่าสวมใส่บนร่างผู้ใด ออกจะยาวเกินไป แต่เมื่อสวมบนร่างมันยังคลุมไม่ถึงหัวเข่ามัน

คนชุดเขียวมีร่างสูงจนน่าตระหนก บนศรีษะพานสวมหมวกทรงสูงที่ประหลาดพิกลใบหนึ่ง ดูใบคล้ายต้นไม้เหียวโกร๋นต้นหนึ่ง

มือข้างหนึ่งสามารถเหนี่ยวรั้งม้าที่ห้อตะบึงเอาไว้ พละกำลังนี้เป็นที่น่าตระหนกจริงๆ แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าเป็นดวงตาของมัน นั่นถึงกับไม่คล้ายเป็นดวงตาผู้คน

ดวงตาของมันกลับเป็นสีเขียว ลูกตาเป็ยสีเขียว ตาขาวก็เป็นสีเขียวยามกระพริบเปล่งแสงวูบวาบราวไฟปีศาจกลางสุสานร้าง

ศีรษะของฉั้งฉิกเพิ่งยื่นออกไป ก็หดรั้งกลับมา ริมฝีปากซีดขาวอยู่บ้าง

ซิมไบ๊ไต้ซือถามว่า "ที่เบื้องนอกมีคน?"

ฉั้งฉิกรับคำดังอืมม์ ซิมไบ๊ไต้ซือขมวดคิ้วพลางถามว่า "ผู้ใด?"

ฉั้งฉิกกล่าวว่า "อีเข่า"

ลี้ชิ้มฮัวยิ้มออกมา กล่าวว่า "ที่แท้มาหาข้าพเจ้าเอง"

ซิมไบ๊ไต้ซือกล่าวถามว่า "แชม้อซิ่ว (มืออสูรเขียว) อีเข่าก็เป็นสหายของท่าน?"

ลี้ชิ้มฮัวยิ้มพลางกล่าวว่า "น่าเสียดายที่สหายผู้นี้ก็เฉกเช่นกับสหายอื่นของข้าพเจ้า ต้องการศรีษะของข้าพเจ้า"

ซิมไบ๊ไต้ซือหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ผลักประตูก้าวออกไปอย่างแช่มช้า ประนมเรียกหาว่า "ประสกแซ่อี"

มืออสูรเขียวอีเข่ากวาดตาเขียวปัดสำรวจมองท่านเที่ยวหนึ่งกล่าวเสียงเย็นชาว่า "เป็นซิมโอ้วหรือว่าซิมไบ๊?"

"อาตมาซิมไบ๊"

อีเข่ากล่าวว่า "คนในรถเป็นใคร?"

"บรรพชิตไม่มุสาวาจา ในรถนอกจากฉั้งฉิกเอี้ยแล้ว ยังมีประสกแซ่ลี้ท่านหนึ่ง"

"ประเสริฐ ท่านมอบตัวลี้ชิ้มฮัวออกมา เราจะปลดปล่อยท่านไป"

ซิมไบ๊ไต้ซือกล่าวว่า "อาตมาคิดนำตัวผู้แซ่ลี้กลับไปเสียวลิ้มยี่ จุประสงค์เพื่อตัดสินลงโทษ ประสกกับพวกเราเมื่อมีเป้าหมายศัตรูเดียวกันก็ไม่สมควรสกัดขัดขวาง"

อีเข่าตัดบทว่า "ท่านมอบตัวลี้ชิ้มฮัวออกมา เราจะปลดปล่อยท่านไป"

มันกล่าวไปกล่าวมา ยังคงเป็นคำพูดนี้ ไม่ว่าผู้อื่นกล่าวว่ากระไรปราศจากความรู้สึกอันใด

ซิมไบ๊ไต้ซือกล่าวว่า "หากอาตมาไม่รับปากจะเป็นอย่างไร?"

อีเข่ากล่าวว่า "อย่างนั้นฆ่าท่านก่อน ค่อยฆ่าลี้ชิ้มฮัว"

แขนซ้ายของมันตกห้อยลงตลอดเวลา แขนเสื้อโชยพัดพลิ้ว ปิดบังมือข้างนี้เอาไว้

ยามนี้มือข้างนี้พลันยื่นออก เห็นประกายสีเขียววูบขึ้นแวบหนึ่งตะใส่ซิมไบ๊ไต้ซืออย่างหักโหม กลับใช้ออกด้วยมืออสูรเขียวที่ชาวยุทธจักรได้ยินชื่อก็ขวัญฝ่อ

ซิมไบีไต้ซือส่งเสียงตวาดคำหนึ่ง ที่ด้านหลังปรากฏเงาร่างสีเทาสี่สายดาออกมา ซิมไบ๊ไต้ซือพอถลันหลบท่าตะปบนี้ หลวงจีนจีวรเทาทั้งสี่รูปก็รายล้มอีเข่าเอาไว้

อีเข่าหัวร่อเสียงเกรี้ยวกราด กล่าวว่า "ประเสริฐ เราคิดรับทราบค่ายกลอรหันต์ของเสียวลิ้มยี่ตั้งแต่แรก"

ในเสียงหัวร่ออันกราดเกรี้ยว พลันปรากฏควันเขียวสายหนึ่งพวยพุ่งออกแตกระเบิดดังปง ควันเขียวกลับกลายเป็นหมอกเขียวเต็มท้องฟ้า

ซิมไบ๊ไต้ซือหน้าแปรเปลี่ยนไป ร้องโพล่งว่า "รีบกลั้นลมหายใจไว้"

ท่านเพียงเตือนภัยต่อศิษย์ในสังกัด กลับลืมเลือนตัวเอง คำ "รีบ" พอกล่าวรู้สึกมีกลิ่นคาวหอบหนึ่งพวยพุ่งเข้าปาก

หลวงจีนเสียวลิ้มยี่เห็นซิมไบ๊ไต้ซือหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลายพลอยตระหนกจนหน้าถอดสี

เห็นซิมไบ๊ไต้ซือตีลังกากลางอากาศทอดหนึ่ง พุ่งปราดออกไปสามวา จากนั้นทรุดนั่งขัดสมาธิกับพื้น ใช้พลังการฝึกปรือหลายสิบปี รีดเร้นควันพิษสายนี้ออกมา

หลวงจีนเสียวลิ้มยี่ทั้งสี่รูปขยับกายวูบ ยืนเรียงรายขวางอยู่เบื้องหน้าของท่าน ในสถานการณ์เช่น เหล่าหลวงจีนเสียวลิ้มยี่คำนึงถึงซิมไบ๊ไต้ซืก่อน ทอดทิ้งลี้ชิ้มฮัวโดยไม่แยแส

แต่อีเข่ากระทั่งเหลือบแล หลวงจีนเหล่านั้น พุ่งขวับถึงหน้าประตูรถ

ลี้ชิ้มฮัวยังเอนกายอยู่ภายในรถ ฉั้งฉิกกลับหายสาบสูญไป

อีเข่าถลึงมองลี้ชิ้มฮัว ถามย้ำทีละคำว่า "ท่านเป็นคนฆ่าคูต๊ก?"

ลี้ชิ้มฮัวรับคำดังอืมม์ อีเข่ากล่าวว่า "ประเสริฐ ชีวิตของคูต๊กแลกกับชีวิตของลี้ชิ้มฮัว แม้ตายก็คู่ควร"

พลางตวัดมืออสูรเขียวขึ้นอีกครา...

อาฮุยเหม่อมองดูเพดานห้อง ผ่านไปเนิ่นนานยังไม่กล่าววาจา
ลิ้มเซียนยี้กล่าวเสียงนุ่มนวลว่า "ท่านคิดอะไร?"

อาฮุยกล่าวว่า "ท่านบอกว่าระหว่างทางลี้ชิ้มฮัวไม่มีอันตรายใด?"

ลิ้มเซียนยี้ยิ้มพลางกล่าวว่า "ไม่เด็ดขาด เมื่อมีซิมไบ๊ไต้ซือกับฉั้งฉิกคอยคุ้มครองเขา ยังมีผู้ใดกล้ากระทบกระทั่งเขาปม้สักขุขนหนึ่ง?"

นางลูบคลำเรือนผมของอาฮุยอย่างแผ่วเบา กล่าวอีกว่า "ท่านต้องเชื่อถือข้าพเจ้า หลับใหลอย่างวางใจ ข้าพเจ้าจะอยู่ที่นี้โดยไม่จากไป"

อาฮุยจับจ้องมองนาง ประกายตาของนางนุ่มนวลถึงเพียงนั้น จริงใจถึงเพียงนั้น

ในที่สุดเปลือกตาของอาฮุยปิดลงอย่างแช่มช้า


อีเข่าถลึงมองลี้ชิ้มฮัว แสยะยิ้มพลางกล่าวว่า "ท่านยังมีคำพูดใดจะกล่าว?

ลี้ชิ้มฮัวมองดูมืออสูรเขียวที่สะท้อนประกายสีเขียวของอีเข่ากล่าวอย่างแช่มช้าว่า "มีเพียงประโยคเดียว"

อีเข่ากล่าวว่า "ประโยคใด? ท่านบอก"

ลี้ชิ้มฮัวทอดถอนใจกล่าวว่า "ท่านไยต้องมาหาที่ตาย?"

มือของเขาสะบัดออกไป

ประกายมีดวูบขึ้นแวบหนึ่ง อีเข่าก็หงายร่างตีลังกาออกไป

บนพื้นหิมะเพิ่มหยดโลหิตขึ้นหยดหนึ่ง

เหลียวดูร่างของอีเข่า พบว่าล่วงหน้าไปหลายวาแล้ว แต่ยังร้องเสียบแหบพร่าว่า "ลี้ชิ้มฮัวท่านจดจำไว้ เรา..."

เอ่ยถึงตอนนี้ ซุ่มเสียงพลันชะงักขาดหาย

ลมหนาวคล้ายคมมีด แผ่นฟ้าแผ่นดินแฝงกลิ่นอายฆ่าฟัน พื้นหิมะกลายเป็นเงียบงันราวความตาย

พลันบังเกิดเสียงปรบมือดังขึ้น ฉั้งฉิกมุดออกจากหลังตัวรถ ปรบมือกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า "ประเสริฐ ประเสริฐ เซี่ยงลี้ปวยตอ (มีดบินของลี้น้อย) ไม่เคยจู่โจมพลาดเป้า ยอดเยี่ยมสมคำร่ำลือจริงๆ"

ลี้ชิ้มฮัวเงียบงันชั่วขณะ จึงกล่าวอย่างเฉื่อยชาว่า "หากท่านยินยอมตบคลายจุดให้แก่ข้าพเจ้าจนหมดสิ้น มันก็ไม่อาจหนีรอดได้"

ฉั้งฉิกยิ้มพลางกล่าวว่า "ท่านเพียงมีมือคู่หนึ่งที่เคลื่อนไหวได้ มีดเล่มหนึ่งซัดออกได้ แต่ก็ทำร้ายอีเข่ารับบาดเจ็บหลบหนีไป บุคคลเช่นท่านนี้ เราไหนเลยไม่ระมัดระวังเป็นพิเศษ จับตาดูให้มากไว้?"

ยามนั้น เหล่าหลวงจีนเสียวลิ้มยี่ค่อยประคองซิมไบ๊ไต้ซือเดินเข้ามา

ซิมไบ๊ไต้ซือหน้าเหลืองซีด พอก้าวขึ้นรถ ก็หอบหายใจกล่าวว่า "รีบด่วน รีบไป"

รอจนรถม้าควบขับออกเดินทาง ซิมไบ๊ไต้ซือค่อยทอดถอนใจยาวกล่าวว่า "มืออสูรเขียวอันชั่วร้ายนัก"

ฉั้งฉิกยิ้มพลางกล่าวเสริมว่า "ที่ชั่วร้ายอำมหิตยิ่งกว่าคือเซี่ยวลี้ปวยตอ"

ซิมไบ๊ไต้ซือมองดูลี้ชิ้มฮัว กล่าวว่า "ท่านกลับยินยอมยื่นมือช่วยเหลือ นับเป็นที่เหนือความคาดหมายอาตมานัก"

ลี้ชิ้มฮัวยิ้มเล็กน้อย กล่าวว่า "ที่ข้าพเจ้าช่วยเหลือมิใช่ท่าน หากแต่เป็นข้าพเจ้าเอง ท่านไม่ต้องเหนือความคาดหมาย และไม่ต้องขอบคุณข้าพเจ้า"

ฉั้งฉิกกล่าวว่า "ก่อนหน้านี้เราถามมันว่า ยินยอมติดตามพวกเราขึ้นสู่เสียวลิ้มยี่หรือยินยอมตกไปในเงื้อมมืออีเข่า จากนั้นตบคลายจุดที่แขนให้แก่มัน หยิบยื่นมีดบินให้เล่มหนึ่ง"

มันยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าว "เราคาดว่าเพียงนี้ก็พอแล้ว"

ซิมไบ๊ไต้ซือเงียบชั่วขณะ พมพำว่า "เซี่ยวลี้ซิ้งตอ (มีดวิเศษของลี้น้อย)...โอ มีดที่รวดเร็วนัก"


ปฏิกิริยาของซิมไบ๊ไต้ซือแม้ไม่รวดเร็วพอ แต่มีพลังการฝึกปรือลึกล้ำกล้าแข็ง ตอนฟ้ามืดค่ำก็รีดเร้นพิษออกจากร่าง สีหน้ากลับคืนสู่สีแดงอิ่มเอิบอีกครา

จากนั้นทั้งหมดเสาะหาโรงเตี๊ยมที่เงียบสงบแห่งหนึ่งพักพำนัก เวลาอาหารค่ำก็มาถึงแล้ว...หลวงจีนมิเพียงต้องรับประทานข้าว ยังต้องนอนหลับพักผ่อน

ฉั้งฉิกประคองลี้ชิ้มฮัวนั่งลงบนเก้าอี้ ยิ้มพลางกล่าวว่า "เราตบคลายจุดบนมือของท่านข้างหนึ่ง เพื่อให้ท่านจับตะเกียบมิใช่ให้ท่านเคลื่อนไหววุ่นวาย เราไม่ปิดปากท่าน เพราะต้องการให้ท่านรับประทานข้าวมิใช่ให้ท่านกล่าววาจาเหลวไหล ท่านเข้าใจหรือไม่?"

ลี้ชิ้มฮัวทอดถอนใจกล่าวว่า "ขณะที่รับประทานข้าวไม่มีสุรา คล้ายกับผักที่ไม่ได้ใส่เกลือ จืดชืดไร้รสชาติ ไม่น่าสนใจยิ่ง"

ฉั้งฉิกกล่าวว่า "ท่านมีข้าวรับประทาน นับว่าไม่เลวแล้ว ยังคงโอนอ่อนผ่อนตามเถอะ"

วัดเสียวลิ้มยี่นั้นมีวินัยอันเข้มงวดจริงๆ ขณะที่หลวงจีนเสียวลิ้มยี่รับประทานอาหาร มิเพียงไม่กล่าววาจา ถึงกับไม่มีสรรพเสียงอื่นแม้แต่น้อย บนโต๊ะแม้มีผักไม่กี่อย่าง แต่พวกท่านรับประทานข้าวหักผักจืดชืดจนชาชินบวกกับตรากตรำการเดินทาง ท้องหิวกระหาย จึงรับประทานได้มากเป็นพิเศษ

มีแต่ซิมไบ๊ไต้ซือเพิ่งทุเลาจากอาการบาดเจ็บ เพียงรับประทานข้าวต้มเหลวคลุกน้ำตาลชามหนึ่ง ก็ไม่ยกตะเกียบคีบกับอีก ส่วนฉั้งฉิกสั่งอาหารเลิศรสมาหลายจาน ตระเตรียมรับประทานเพียงลำพัง จึงหิ้วท้องเอาไว้ไม่ร่วมวงด้วย

ลี้ชิ้มฮัวคีบเต้าหู้ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง เพิ่งส่งถึงมุมปากก็ปล่อยวางลงร้องโพล่งว่า "กับนี้รับประทานไม่ได้"

ฉั้งฉิกกล่าวเสียงเนิบนาบว่า "หากลี้ท้ำฮวย (ทำ้ฮวยแซ่ลี้) ไม่คุ้นกับการรับประทานอาหารพื้นเพเช่นนี้ ได้แต่ทนหิวโหยแล้ว"

ลี้ชิ้มฮัวกล่าวเสียงทุ้มหนักว่า "ในกับมีพิษ"

ฉั้งฉิกหัวร่อดังๆ กล่าวว่า"มิให้ท่านดื่มสุรา ท่านก็เล่นลวดลายจริง ๆ เราทราบว่าท่าน..."

เสียงหัวร่อของมันพลันชะงักค้าง คล้ายถูกผู้คนบีบเค้นลำคอไว้

ทั้งนี้เพราะฉั้งฉิกพบว่า สีหน้าของหลวงจีนเสียวลิ้มยี่ทั้งสี่รูปแปรเลี่ยนเป็นสีเทาหม่นแล้ว แต่พวกท่านเองคล้ายไม่รู้สึกตัว ยังคงก้มหน้ารับประทานข้าว

ซิมไบ๊ไต้ซือก็หน้าเปลี่ยนสี กล่าวเสียงแหบพร่าว่า "รีบด่วน รีบเกร็งลมปราณขึ้นจากจุดตังชั้ง คุ้มครองชีพจรหัวใจไว้"

หลวงจีนเสียวลิ้มยี่เหล่านั้นยังไม่ทราบว่าเป็นเรื่องราวใด ยิ้มประจบกล่าวว่า "ซือเจ่กสั่งพวกเราหรือ?"

ซิมไบ๊ไต้ซือกล่าวอย่างร้อนรุ่มว่า "ย่อมสั่งต่อพวกเจ้า พวกเจ้าล้วนถูกพิษ หรือยังไม่รู้สึกตัว?"

หลวงจีนเสียวลิ้มยี่เหล่านั้นกล่าวว่า "ถูกพิษ? ผู้ใดถูกพิษ?"

ทั้งสี่สบตากันวูบ พากันร้องออกมาว่า "สีหน้าของท่านไฉน..."

ไม่ทันขาดคำ หวงจีนทั้งสี่พากันล้มลง รอจนซิมไบ๊ไต้ซือเพ่งมองดูใหม่ ใบหน้าทั้งสี่ใบล้วนแปรเปลี่ยนเป็นผิดสารรูป ดวงตาจมูกปากรวมเป็นกระจุกเดียว

หลวงจีนทั้งสี่มิเพียงถูกพิษที่ไร้สีไร้รส มิหนำซ้ำผู้ที่ถูกพิษไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย รอจนรู้สึกตัวก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้

ฉั้งฉิกอดสยิวกายด้วยความหนาวเหน็บมิได้ ร้องโพล่งว่า "นี่เป็นพิษอันใด? ไฉนร้ายกาจถึงเพียงนี้?"

ซิมไบ๊ไต้ซือแม้มีตบะสมาธิอันหนักแน่น ยามนี้อดเกิดโทสะจิตมิได้ พุ่งตัวออกไป ตะปบคว้าผู้รับใช้คนหนึ่งเข้ามาราวกับคว้าจับลูกไก่ไว้ กล่าวเสียงเกรี้ยวกราดว่า "พวกท่านผสมพิษในอาหาร?"

ผู้รับใช้เห็นบนพื้นมีคนตายสี่คน แตกตื่นจนกระดูกอ่อนระทวยแต่แรกฟันในปากกระทบกันดังกึกกัก ไหนเลยตอบวาจาได้?

ลี้ชิ้มฮัวทอดถอนใจพึมพำว่า "หน้าโง่ หากเป็นข้าพเจ้าเจ้าแพร่พิษ คงหนีหายไปแต่แรก ยังอยู่ที่นี้ชมดูความสนุกสนานอันใด?"

ซิมไบ๊ไต้ซือยกมือหมายฟาดลง พอฟังพลันหยุดชะงักไว้ เลิกชายจีวรพุ่งตัวออกไป...ท่านได้เห็นลี้ชิ้มฮัวกล่าวเช่นนี้ ก็ฉุกคิดว่าผู้รับใช้นี้มิใช่คนแพร่พิษ

ฉั้งฉิกพุ่งตามติดออกไป เพิ่งออกนอกประตู ก็พุ่งย้อนกลับมาหนีบร่างลี้ชิ้มฮัวขึ้น กล่าวเสียงเย็นชาว่า "ต่อให้พวกเราล้วนถูกพิษเสียชีวิตท่านก็หนีไม่รอด ไม่ว่าอย่างไรเราต้องให้ท่านอยู่เป็นเพื่อนเรา เรามีชีวิตรอด ท่านก็มีชีวิตรอด เราตกตายท่านก็ต้องตกตาย"

ลี้ชิ้มฮัวยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า "คิดไม่ถึงท่านมีน้ำใจผูกพันต่อข้าพเจ้าถึงเพียงนี้ น่าเสียดายที่ท่านไม่ใช่หญิงงามแห่งยุค ข้าพเจ้าพานไม่มีความสนใจในตัวบุรุษเพศเดียวกัน"

เวลาอาหารผ่านไปแล้ว ห้องครัวคืนสู่ความสงบ พ่อครัวใหญ่ผัดผักสองอย่าง พ่อครัวรองจัดหาสุรามาป้านหนึ่ง  ทั้งสองนั่งไขว่ห้างเสพรับกับช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของวันนี้ ทั้งสองมีชีวิตอยู่ เพราะทุกวันล้วนมีช่วงเวลานี้

ซิมไบ๊ไต้ซือแม้ทั้งร้อนรุ่มทั้งขุ่นแค้น พอพบเห็นทั้งสองกลับตะลึงลานกับที่

สีหน้าของพ่อครัวทั้งสองกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีเทาหม่นเช่นกัน

พ่อครัวใหญ่บังเกิดความเมามายอยู่สองส่วน ยิ้มพลางทักทายว่า "ไต้ซือ (ท่านมหาสมณะ) คิดมาขโมยดื่มสักสองถ้วยด้วยหรือ? ยินดีต้อนรับ..."

ไม่ทันขาดคำคนหงายร่างล้มลง ล้มลงบนเตา หม้อเหล็กที่ตั้งอยู่บนเตา ชนขวดน้ำมันพลิกล้ม น้ำมันไหลไปในหม้อเหล็ก ประกายน้ำมันแลบแปลบขึ้น

ในประกายน้ำมันกลับมีตะขาบสีแดงเพลิงตัวหนึ่ง

ที่แท้พิษอยู่ในน้ำมัน
พ่อครัวใหญ่ใช้น้ำมันนี้ผัดอาหารให้หลวงจีนเสียวลิ้มยี่รับประทาน ยังใช้น้ำมันนี้ผัดผักให้ตัวเองรับประทาน พลอยจบชีวิตอย่างเลอะเลือนงมงาย

พิษนับว่าหาพบแล้วแต่คนแพร่พิษเป็นใคร?
ลี้ชิ้มฮัวมองดูตะขาบในหม้อน้ำมัน ทอดถอนใจยาวกล่าวว่า "ข้าพเจ้าทราบแต่แรกว่ามันจะช้าเร็วต้องรุดมา"

ฉั้งฉิกกล่าวเสียงเกรี้ยวกราดว่า "ผู้ใด? ท่านทราบว่าคนแพร่พิษเป็นผู้ใด?"

ลี้ชิ้มฮวงกล่าวว่า "พิษในโลกสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภท หนึ่งเป็นพิษของแมกไม้สมุนไพร หนึ่งเป็นพิษของงูหนอน คนที่สามารถสกัดพิษจากแมกไม้สมุนไพรมีมากกว่า ผู้ที่สามารถรีดเร้นพิษจากงูหนอนมีจำนวนน้อยกว่า ผู้ที่สามารถใช้พิษของงูนอนฆ่าคนโดยไร้สภาพ มีเพียงหนึ่งหรือสองคนเท่าคนนั้น"

ฉั้งฉิกร้องโพล่งว่า"ท่าน...หรือท่านหมายถึงโหงวตั๊กท้งจื้อ (ทารกเบญจพิษ) แห่งเก๊กลักตั่ง (ถ้ำสุขนิรันดร์) ดินแดนแม้ว?"

ลี้ชิ้มฮัวทอดถอนใจกล่าวว่า "ข้าพเจ้าก็ภาวนาว่าผู้มามิใช่มัน"

"ทารกเบญจพิษไฉนมาถึงแผ่นดินตงง้วน? มันมาทำอะไร?"

ลี้ชิ้มฮัวตอบว่า "มาหาข้าพเจ้า"

ฉั้งฉิกกล่าวว่า "หาท่าน? มันเป็น..."

คนผู้นี้ทราบดีว่าคนผู้นี้ต้องไม่มีสหายเช่นนี้ พอเอ่ยถึงกลางคันพลันกล้ำกลืนคำพูดไว้ เปลี่ยนเป็นกล่าวว่า "ดูว่าสหายของท่านมรไม่มาก ศัตรูกลับมีไม่น้อย"

ลี้ชิ้มฮัวกล่าวอย่างเฉื่อยชาว่า "ศัตรูยิ่งมากยิ่งประเสริฐ สหายขอเพียงมีสักคนสองคนก็พอ ทั้งนี้เพราะบางครั้งสหายยังกลัวกว่าศัตรูมากนัก"

ซิมไบ๊ไต้ซือพลันกล่าวว่า " ท่านดูออกได้อย่างไรว่าในอาหารมีพิษ?"

ลี้ชิ้มฮัวกล่าวว่า "ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบดูออกได้อย่างไร จะอย่างไรข้าพเจ้าดูออกแล้ว"

เขายิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าว "นี่เฉกเช่นกับข้าพเจ้าแทงไพเก้า หากข้าพเจ้า เห็นว่าประตูนั้นแทงได้ พอแทงลงไปจะไม่เล่นเสียเด็ดขาด หากผู้อื่นถามข้าพเจ้าทราบได้อย่างไร ข้าพเจ้าก็ตอบไม่ถูก"

ซิมไบ๊ไต้ซือจับจ้องมองลี้ชิมฮัวชั่วขณะ จึงกล่าวช้าๆ ว่า "ระหว่างทางผู้แซ่ลี้รับประทานอะไร พวกเราก็รับประทานเช่นนั้น"

ยังมีการเดินทางอีกสองวันค่อยบรรลุถึงภูเขาซงซัว ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดเสียวลิ้มยี่ืสองวันต้องเป็นสองวันที่ยาวนานที่สุด ทั้งนี้เพราะชาวยุทธจักรล้วนทราบว่า หากเจ้าของถ้ำสุขนิรัดร์ตั้งใจฆ่าคนผู้หนึ่งจะไม่มีเรื่องราวใดทำให้มันเลิกราแต่กลางคัน  อ่านตัวอย่างอีบุ๊คมีดบินไม่พลาดเป้า เล่ม 2 


มีดบินไม่พลาดเป้าเล่ม 1


อีบุ๊คชุด มีดบินไม่พลาดเป้า เล่ม 1-4


มีดบินไม่พลาดเป้า เล่ม 1
โก้วเล้ง, น.นพรัตน์
www.mebmarket.com
เรื่องราวเล่าถึง มีดสั้นยาวสามนิ้วเจ็ดหนุของลี้น้อยหรือลี้ชิ้มฮัวที่ไม่เคยพลาดเป้าและเป็นที่ครั่นคร้ามทั้งยุทธจักรเล่าถึงอาฮุยมือกระบี่ผู้เงียบขรึมแต่ระอุอุ่นด้วยน้ำใจ เล่าถึงลิ้มเซียนยี้ สตรีผู้มีความงามปานล่มเมือง และเล่าถึงเซี่ยงกัวกิมฮ้งยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแผ่นดิน ทุกคนผูกพันบุญคุณความแค้นของยุทธจักรโก้วเล้งดำเนินเรื่องราวอย่างคมคายด้วยปรัชญา เข้มข้นด้วยบทบู๊อันรวบรัด สมกับที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสุดยอดนวนิยายกำลังภายใจของมังกรโบราณท่านนี้
มีดบินไม่พลาดเป้า เล่ม 2
โก้วเล้ง, น.นพรัตน์
www.mebmarket.com
เรื่องราวเล่าถึง มีดสั้นยาวสามนิ้วเจ็ดหนุของลี้น้อยหรือลี้ชิ้มฮัวที่ไม่เคยพลาดเป้าและเป็นที่ครั่นคร้ามทั้งยุทธจักรเล่าถึงอาฮุยมือกระบี่ผู้เงียบขรึมแต่ระอุอุ่นด้วยน้ำใจ เล่าถึงลิ้มเซียนยี้ สตรีผู้มีความงามปานล่มเมือง และเล่าถึงเซี่ยงกัวกิมฮ้งยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแผ่นดิน ทุกคนผูกพันบุญคุณความแค้นของยุทธจักรโก้วเล้งดำเนินเรื่องราวอย่างคมคายด้วยปรัชญา เข้มข้นด้วยบทบู๊อันรวบรัด สมกับที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสุดยอดนวนิยายกำลังภายใจของมังกรโบราณท่านนี้
มีดบินไม่พลาดเป้า เล่ม 3
โก้วเล้ง, น.นพรัตน์
www.mebmarket.com
เรื่องราวเล่าถึง มีดสั้นยาวสามนิ้วเจ็ดหนุของลี้น้อยหรือลี้ชิ้มฮัวที่ไม่เคยพลาดเป้าและเป็นที่ครั่นคร้ามทั้งยุทธจักรเล่าถึงอาฮุยมือกระบี่ผู้เงียบขรึมแต่ระอุอุ่นด้วยน้ำใจ เล่าถึงลิ้มเซียนยี้ สตรีผู้มีความงามปานล่มเมือง และเล่าถึงเซี่ยงกัวกิมฮ้งยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแผ่นดิน ทุกคนผูกพันบุญคุณความแค้นของยุทธจักรโก้วเล้งดำเนินเรื่องราวอย่างคมคายด้วยปรัชญา เข้มข้นด้วยบทบู๊อันรวบรัด สมกับที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสุดยอดนวนิยายกำลังภายใจของมังกรโบราณท่านนี้
มีดบินไม่พลาดเป้า เล่ม 4 (จบ)
โก้วเล้ง, น.นพรัตน์
www.mebmarket.com
เรื่องราวเล่าถึง มีดสั้นยาวสามนิ้วเจ็ดหนุของลี้น้อยหรือลี้ชิ้มฮัวที่ไม่เคยพลาดเป้าและเป็นที่ครั่นคร้ามทั้งยุทธจักรเล่าถึงอาฮุยมือกระบี่ผู้เงียบขรึมแต่ระอุอุ่นด้วยน้ำใจ เล่าถึงลิ้มเซียนยี้ สตรีผู้มีความงามปานล่มเมือง และเล่าถึงเซี่ยงกัวกิมฮ้งยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแผ่นดิน ทุกคนผูกพันบุญคุณความแค้นของยุทธจักรโก้วเล้งดำเนินเรื่องราวอย่างคมคายด้วยปรัชญา เข้มข้นด้วยบทบู๊อันรวบรัด สมกับที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสุดยอดนวนิยายกำลังภายใจของมังกรโบราณท่านนี้

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เส้นทางสู่ ความพอเพียง


"เศรษฐกิจพอเพียง
 เป็นเสมือนรากฐานของชีวิต
รากฐานความมั่นคงของแผ่นดิน
เปรียบเสมือนเสาเข็ม
ที่ถูกตอกรองรับบ้านเรือน ตัวอาคารไว้นั่นเอง
สิ่งก่อสร้างจะมั่นคงได้อยู่ที่เสาเข็ม
แต่คนส่วนมากมองไม่เห็นเสาเข็ม
และลืมเสาเข็มเสียด้วยซ้ำไป..."

พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ
จากวารสาชัยพัฒนา
ประจำเดือนสิงหาคม ๒๕๔๒


ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้แนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควรต่อการมีเหตุผลกรทบใดๆ อันเกิดจากการ เปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรุ็ ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่ง

ในการนำวิชาการต่างๆ มาใช้ในวงการวางแผนและการดำเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้อง เสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระระดับ ให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตและให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวางทั้งด้านวัตถุ  สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจาก โลกภายนอกได้เป็นอย่างดี

ประมวลและกลั่นกรองจากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งพระราชทานในวโรกาสต่างๆ รวมทั้งพระราชดำรัสอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดย สศช. ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นำไปเผยแพร่ เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๒
เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติของทุกฝ่ายและประชาชนทั่วไป

คำนำ

ภายหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (คสช.) ได้อัญเชิญปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางการพัฒนาประเทศในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๙ และ ๑๐ สศช. ได้ส้รางขบวนการขับเคลื่อนเศรษกิจพอเพียงอย่างต่อเนื่อง โดยการดำเนินกิจกิจกรรมด้านต่างๆ อย่างหลากหลาย ซึ่งกิจกรรมสำคัญหนึ่งคือ การจัดฝึกอบรมวิทยากรตัวคูณเศรษฐกิจพอเพียงขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจและขยายผลการประยุกต์ใชเเศรษฐกิจพอเพียงแก่ผู้ชุมนุมชน วุฒิอาสา ผู้แทนภาคประชาสังคม ภาครัฐและภาคเอกชนซึ่งเป็นแกนภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคมที่ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงให้มีความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ และนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันอย่างเป็นรูปธรรม


 เส้นทางสู่ความพอเพียง

วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Excel Level Up! : 40 บทเรียนที่จะทำให้คุณเก่ง Excel เร็วขั้นเทพ


คำนำผู้เขียน
ผมเสียดายแทนจริง ๆ ที่หลายคนทำงานหนักโดยไม่จำเป็น... ใช้เวลาในการทำงานเยอะโดยไม่จำเป็น รู้หรือไม่ว่าหากคุณฝึก Excel มากขึ้นอีกนิดแล้วละก็ คุณจะเก่งและสามารถทำงานได้เร็วขึ้นมาก! 

เหมือนกับในเกมคอมพิวเตอร์หากคุณสั่งสมประสบการณ์มากพอ จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Level Up! ซึ่งทำให้ความสามารถของคุณเพิ่มข้นมากมายมหาศาล

ความพิเศษคือ มันมีเคล็ดลับว่าการฝึกแบบไหน เก็บประสบการณ์แบบไหนจึงจะทำให้ Level Up! ได้เร็ว ซึ่งสำหรับ Excel ก็มีเคล็ดลับแบบนี้ด้วยเช่นกัน และผมกำลังจะบอกคุณในหนังสือเล่มนี้

อ่อ! ผมเองไม่ได้เก่งและรู้เคล็ดลับ Excel มาตั้งแต่เกิดหรอกนะครับ แต่ก่อนผมก็ใช้ Excel ได้แค่แบบงูๆ ปลาๆ เท่านั้น แต่ผมก็ฝึกฝนตัวเองจนเก่งขึ้นมาได้ภายในเวลาไม่กี่เดือนข่าวดี คือ คุณเองก็สามารถเก่ง Excel ได้เช่นเดียวกัน แต่ที่เจ๋งกว่านั้นก็คือ คุณไม่ต้องใช้เวลามากเท่าผม!

ผมจึงขออาสาพาคุณตะลุยไปในเส้นทางที่สั้นที่สุด เร็วที่สุด เพราะผมรู้แล้วว่าเรื่องไหนที่จำเป็นจริงๆ ซึ่งผมได้คัดเลือกและกลั่นกรองจนออกมาเป็นเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้

ที่อยากทำหนังสือเล่มนี้เพราะบทความที่ผมเขียนไว้ชื่อว่า "แฉ 10 ความลับของ Excel ที่คุณอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน!" มีคนนำไปแชร์ในโลกออนไลน์มากมาย ทำให้ผมคิดว่า "เฮ้ย! ไม่นึกมาก่อนว่าบทความที่มีสาระจะมีคนกด Like เป็นแสนได้" แสดงว่าผู้คนสนใจ Excel จำนวนมาก

หนังสือ Excel เล่มนี้จึงถูกออกแบบมา โดยเน้นเนื้อหาที่เข้าใจง่าย มีประโยชน์ใช้ ลดเวลาการทำงานได้จริง! ซึ่งผมมั่นใจว่า วิธีการสอน Excel ด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายพร้อมการให้เทคนิคเจ๋งๆ ของผม จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านหนังสือเล่มนี้ เช่นเดียวกับการที่มันถูกใจคนในโลกออนไลน์มาแล้วนับแสนคน

หากการผจญภัยในโลกแห่ง Excel เป็นดั่งการเดินตะลุยบุกขึ้นหุบเขาอันสูงชัน ผมจะช่วยทำให้คุณเดินทางง่่ายขึ้น คุณแค่กดปุ่มขึ้นลิฟต์ ผมจะพาคุณขึ้นเขาเอง ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ีคุณที่ต้องจัดการกับเจ้าปีศาจ (ปัญหา) ต่างๆ ที่อยู่บนเขา แล้วเก็บประสบการณ์จากลูกสมุนตัวเล็กตัวน้อยเพื่อให้คุณ Level Up! จนมีความสามารถพอที่จะจัดการกับ Boss ใหญ่ที่อยู่บนยอดเขาได้

ถ้าพร้องจะ Level Up! แล้วเชิญกดลิฟต์ แล้วตามผมมาเลย!

ศิริ เอกบุตร
ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ inwexcel.com
Mission 0 เตรียมตัวเตรียมใจ
Mission Briefing

Mision แรกของเรา...เลข 0 บ่งบอกถึงจุดเริ่มต้นในการผจญภัยครั้งนี้ แต่ว่าใน Mission นี้ ผมจะยังไม่ได้พาคุณตะลุยเข้าไปสู่ดินแดนแห่ง Excel จริงๆ หรอกนะครับ

ที่ยังไม่พาคุณลุยไป เพราะหากคุณบุ่มบ่ามเข้าไปโดยยังไม่พร้อม คุณอาจจะบาดเจ็บหนักหรือว่าหลงทางไปในดินแดนของ Excel นี้ก็เป็นได้ ผมจึงขออาสาเตรียมทำความพร้อมความเข้าใจบางอย่างให้คุณก่อน เพื่อให้คุณสามารถเดินทางไปจนจบยังเป้าหมายสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้

นักเดินทางมืออาชีพยังต้องเตรียมเสบียง เตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ก่อนจะเดินทางได้ การเดินทางผจญภัยสู่โลกของ Excel ของเราในครั้งนี้ก็ต้องมีการเตรียมความพร้อมเช่นกัน

ความพร้อมแรกที่คุณจะต้องมีไม่ใช่ความรู้เกี่ยวกับ Excel แต่เป็นเรื่องของ "แนวความคิด" ต่างหาก แนวความคิดที่ถูกต้องจะทำให้คุณสามารถเก่ง Excel ขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างที่คุณจะแทบไม่เชื่อฝีมือตัวเองเลยว่าคุณก็ทำอะไรเจ๋งๆ ใน Excel ได้กับเค้าด้วย

ผมหวังว่าสุดท้ายแล้วคุณจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่คุณวาดหวังไว้ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดอ่านหนังสือเล่มนี้

เอาหล่ะเรามาเริ่มกันเลย

เริ่มจูนความคิด

ทำไมต้องจูนความคิด? 
การจูนความคิดก็เหมือนการจูสายกีต้าร์ หากสายกีต้าร์เสียงเพี้ยนอยู่ เล่นยังไงก็ไม่เพราะ ในทำนองเดียวกัน หากเรามีความคิดไม่ถูกต้อง ฝึก Excel ให้ตายก็ไม่ค่อยเก่ง (หรือเก่งช้า) แต่ถ้ามีความคิดที่ถูกต้อง ย่อมสามารถประสบความสำเร็จได้ในที่สุด

แต่หากว่าคุณยังไม่รู้จักผม ไม่รู้ว่าไอ้หมอนี่ที่กำลังเขียนหนังสือเล่มนี้มันเป็นใครด้วยซ้ำ แล้วจะให้มาฟังแนวคิดของผม ก็คงแปลกๆ อยู่จริงมั้ยครับ? ดังนั้นแรกสุดผมขอแนะนำตัวเองก่อนซักเล็กน้อย

แนะนำตัวกันซักนิด
ผมชื่อ ศิระ (จะเรียกว่า "ระ" ก็ได้ครับ) ผมเป็นเจ้าของคลิปวีดีโอสอน Excel บน YouTube ที่มีคนดูนับแสน และเป็นผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ inwexcel.com (อ่านว่า เทพ-เอ็ก-เซล) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ผมตั้งใจทำมาเพื่อแนะนำเทคนิค Excel เจ๋งๆ ในภาษาที่อ่านง่าย ให้คนไทยได้เรียนรู้กันโดยเฉพาะ

ทั้งหมดเพื่อจุดประสงค์เดียวคือ "ทำให้คนไทยเก่ง Excel มากขึ้นทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น" เพราะผมเชื่อว่า ทุกคนเก่ง Excel ได้และมีพลังดั่งเทพอยู่ในตัวอยู่แล้ว ผมเป็นแค่คนช่วยปลุกพลังนั้นให้ตื่นขึ้นมาเท่านั้น ดั่ง Slogan ของเว็บไซต์ว่า "ปลุกเทพ Excel ในตัวคุณ" 

ผมเองเคยมีแนวคิดที่ไม่ถูกต้องมาก่อน การพัฒนา Excel ในช่วงแรกจึงค่อนข้างช้า หลังจากได้ปรับแนวคิดแล้ว ทักษะด้าน Excel (รวมถึงทักษะด้านอื่นๆ ) ของผมก็รุดหน้าเร็วขึ้นมากๆ 

ซึ่งแนวคิดเหล่านี้ เหล่ากูรูแห่งความสำเร็จหลายท่านได้แนะนำเป็นเสียงเดียว และผมก็นำมาปรับใช้กับตัวผมเองจนได้ผลด้วย

ดังนั้น ผมจึงขอสรุปแนวคิดสำคัญๆ 
ที่จะช่วยคุณบรรลุเป้าหมายของคุณได้
โดยขอเรียกว่า "7 แนวคิดพิชิตความสำเร็จ" ครับ



7 แนวคิดพิชิตความสำเร็จ

1.รู้ว่าทำไมถึงต้องเก่ง Excel
ตัวผมเองเคยใช้ Excel ครั้งแรก น่าจะสมัยเรียนมัธยมต้น ไม่ก็มัธยมปลาย (จำเวลาแน่นอนไม่ได้จริงๆ ครับ รู้แต่นานมากแล้ว)... แต่ที่จำได้คือ ตอนใช้งานครั้งแรกๆ นั้น ผมไม่ได้มีความรู้สึกชอบ Excel เลยสักนิด ทำให้ผมทำได้แค่กรอกข้อมูลกับเขียนสูตรง่ายๆ และใช้เครื่องมือช่วยเหลือเป็นนิดหน่อยเท่านั้น ไม่ได้คิดจะฝึกฝนอะไร มากมาย เพราะไม่รู้ว่าจะใช้ Excel เก่งๆ ไปทำไม...

ผมยังคงความสามารถระดับเดิมอยู่จนเรียนจบปริญญาตรีวิศวะ จุฬาฯ และได้มีโอกาสไปทำงานเป็นวิศวกรที่บริษัทแห่งหนึ่ง ผมได้เห็นรุ่นพี่คนหนึ่งใช้ Excel เก่งมาก ซึ่งทำให้เค้าทำงานได้เร็ว (และดูสบายๆ ชิลๆ ด้วย) และที่สำคัญเขายังเขียนโปรแกรม Excel ให้มันทำงานอัตโนมัติได้ด้วย!

"เฮ้ย! Excel มันทำงานอัตโนมัติได้ด้วยเหรอ!?" ผมคิดในใจดังๆ (ด้วยความเซอไพรซ์มาก) ซึ่งตอนหลังผมก็ได้เรียนรู้ว่ามันคือการเขียนภาษาคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า VBA ซึ่งเป็นภาษาที่เอาไว้คอบคุมการทำงานของโปรแกรมบน Microsoft Office ได้ทั้งหมดนั่นเอง

"อย่างนี้ ถ้าเราใช้ Excel ได้เก่งเทพๆ แบบพี่คนนี้เราก็สบายขึ้นเยอะเลยสิ!!" นี่แหล่ะคืหนทางที่จะ Work Smart อย่างแท้จริง ในแบบที่พนักงานธรรมดาๆ แบบเราก็น่าจะทำได้

ตอนนั้นเองทำให้ผมเริ่มที่จะสนใจ Excel ขึ้นมาเป็นครั้งแรก "ทำน้อย ได้มาก สุดยอด!"

Inw Tips : การที่เราเก่ง Excel มากขึ้นนั้น จะมีส่วนช่วยอย่างมากในการพัฒนาความคิดในเชิงตรรกะหรือการคิดเป็นเหตุผล ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในเรื่องอื่นๆ ได้อีกมาก (ในปัจจุบันตัวผมไม่ได้ลงมือทำงานเองใน Excel มากแล้ว แต่ก็ยังได้ใช้แนวคิดจากการแก้ปัญหาใน Excel กับเรื่องอื่นอยู่บ่อยๆ 

Excel คือเครื่องทุ่นแรง

ทำน้อยได้มาก ที่บอกว่า "ทำน้อยได้มาก" มันก็คือหลักการของ "เครื่องทุ่นแรง" (Verage) ที่ช่วยให้คุณสบายขึ้น กูรูหลายท่านเรียกคำนี้ว่า "พลังทวี" ซึ่งจะเห็นว่าผลลัพธ์ ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลักดังนี้

ผลลัพธ์ = แรงที่เราออก (ความรู้เกี่ยวกับงาน) x พลังในการทุ่นแรง (ความรู้ Excel)

นั่นคือ ถ้าคุณมีทักษะเดิมที่ดี แต่ไม่รู้จักการนำ Excel มาช่วย คุณก็ต้องออกแรงเยอะเกินความจำเป็น... ในทางกลับกัน หากคุณเก่ง Excel มาก แต่ไม่มีทักษะหรือความรู้พื้นฐานอื่นเลย มันก็จะไม่ช่วยอะไร... เพราะว่า 0 x 100 ก็ยังคงได้ 0 อยู่ดีจริงไหมครับ?

2. รู้ว่า Excel ทำอะไรได้บ้าง 

แต่แล้ว ผมก็เปลี่ยนแผนไปเรียนต่อปริญญาโท MBA จึงลาออกจากบริษัทเดิมซะก่อน... การฝึก Excel ของผมจึงพักไปชั่วครู่ เพราะไม่รู้จะฝึกใช้ไปทำไม (ตอนนั้นคิดสั้นมากกก)

พอได้มีโอกาสาเรียนโท MBA ที่จุฬาฯ ผมก็ได้เจอเพื่อนที่เก่ง Excel มากอีกคนหนึ่ง ตอนทำงานกลุ่มเพื่อนแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับการวางแผนการผลิตสินค้าและกระจายสินค้า ด้วยเส้นทางไหนถึงจะได้กำไรสูงสุด มันบอกว่าถ้า Excel มามันแก้ได้สบายๆ เลย

"เฮ้ย! Excel มันแก้โจทย์ปัญหาได้ด้วยเหรอฦ นึกว่าทำได้แต่ตรางข้อมูล" คราวนี้ผมไม่คิดในใจแล้ว ผมถามมันเลย

เพื่อนผมจึงอธิบายว่า Excel มีเครื่องมือแก้โจทย์ปัญหาที่ชื่อว่า Solver อยู่ ซึ่งช่วยให้เราหาคำตอบที่ดีที่สุดได้ ผมยิ่ง Surprise หนักเข้าไปใหญ่ เพระาในความคิดเดิมของผม Excel มันทำได้แค่การกรอกข้อมูลลงตาราง แล้วเขียนสูตรคำนวณจากข้อมูลที่เราใส่ลงไปเท่านั้น

ที่สำคัญตอนเรียนปริญญาโท MBA อาจารย์มีการสั่ง (และสอน) ให้ใช้ Excel ช่วยทำงานเยอะมาก ทั้งวิชา Accounting, Statistics, Finance, operations, Management, และอีกมากมาย

ผมจึงได้เรียนรู้แล้วว่า Excel มันช่วยเราได้เกือบทุกวิชาเลย อย่างนี้ก็แปลว่าการทำงานจริงก็สามารถใช้ Excel มาช่วยได้อีกเพียบเลยนะสิ! (มิน่าล่ะ..พี่ทีทำงานเก่าจึงดูเจ๋งจัง)

คราวนี้ผมเข้าไปค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตใหญ่เลย ผมได้ค้นพบความเจ๋งของ Excel เพิ่มอีกมากมาย 

Case เจ๋งๆ ที่ผมเปิดเจอในเน็ต...มีตั้งแต่แบบที่อยู่ในสามัญสำนึก เช่น ทำรายงานเจ๋งๆ หรือกราฟเจ๋งๆ ที่โต้ตอบกับผู้ใช้งานได้...

แต่ที่ผมงงสุดๆ เพราะไปเจอเคสแปลกๆ ที่เจ๋งล้ำเกินจินตนาการผมไปเลย อย่างเช่น

  • ใช้ Excel าดรูปงานศิลปะ ได้สวยสุดๆ (Tatsuo Horiuchi ผู้เป็น Excel Artist)
  • เขียนเกมผจญภัยแนว RPG ด้วย Excel + VBA (Arena.Xlsm โดยนักบัญชี Cary Walkin)
  • ใช้ Excelแก้ปัญหา Sudoku ได้โดยไม่ต้องใช้ VBA (Charlie Ellis คนในทีมทำ Excel) 
แต่คนส่วนใหญ่คงไม่ต้องใช้ Excel ได้ถึงขนาดนั้น เพราะงานปกติในชีวิตประจำวันทั่วไปของพนักงานออฟฟิศอย่างพวกเราน่าจะพอสรุปได้ดังนี้


Excel Level Up!
ศิระ เอกบุตร
www.mebmarket.com
Excel Level Up! : 40 บทเรียนที่จะทำให้คุณเก่ง Excel เร็วขั้นเทพหนังสือขายดีโดย โดย ศิระ เอกบุตร สำนักพิมพ์ เทพเอ็กเซลเนื้อหาระดับพื้นฐาน-ระดับกลาง คนที่เพิ่งหัดใช้ Excel ก็อ่านได้---------------------------------------------------- Excel เป็นโปรแกรมที่จำเป็นต่อการทำงาน ทั้งพนักงานเก่าและใหม่ รวมถึง นักเรียนจบใหม่ที่กำลังเข้าสู่ชีวิตการทำงานก็ต้องใช้ Excel- แต่หลายคนกลับทำงานหนักโดยไม่จำเป็น… ใช้เวลาในการทำงานเยอะโดยไม่จำเป็น… รู้หรือไม่ว่าหากคุณฝึก Excel มากขึ้นอีกนิดแล้วล่ะก็ คุณจะเก่งและสามารถทำงานได้เร็วขึ้นมาก!- เหมือนกับในเกมคอมพิวเตอร์ หากคุณสั่งสมประสบการณ์มากพอ จะเกิดปรากฏการณ์ ที่เรียกว่า Level Up! ซึ่งทำให้ความสามารถของคุณเพิ่มขึ้นมากมายมหาศาล- ความพิเศษคือ มันมีเคล็ดลับว่าการฝึกแบบไหน เก็บประสบการณ์แบบไหนถึงจะทำให้เก่งได้เร็ว และผมกำลังจะบอกคุณในหนังสือเล่มนี้- หากคุณอ่านหนังสือเล่มนี้จบ จะเกิดความเข้าใจและมีความรู้พื้นฐานแน่นพอที่จะพลิกแพลงเมื่อเจอปัญหายากๆ ในการทำงานจริงได้อย่างแน่นอนคำนิยม=====“Excel Level Up! เป็นหนังสืออีกเล่ม ที่ผมจะจดจำไปชั่วชีวิตการอ่านหนังสือของผมใครจะไปคิดว่า “หนังสือสอนการใช้โปรแกรม Excel” จะอ่านสนุกขนาดนี้?”---------------------บอย วิสูตร แสงอรุณเลิศนักเขียน Bestseller/ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ“ความโดดเด่นในหนังสือเล่มนี้ นั่นคือความสามารถและเอกลักษณ์อันโดดเด่นเฉพาะตัวของคุณศิระ ที่นำเสนอความรู้ Microsoft Excel ที่เป็นความรู้เชิงเทคนิคมาสู่ท่านผู้อ่าน โดยใช้ภาษาที่คนทั่วไปสามารถเข้าใจได้ง่าย มีความสนุกสนานชวนให้เรียนรู้ติดตามด้วยความเพลินเพลิน”---------------------สันติพงศ์ ณสุยMicrosoft Most Valuable Professional คนไทยที่เป็น Excel MVP ในปัจจุบัน“ผมไม่ลังเลที่จะแนะนำให้คนที่สนใจ Excel ได้ซื้อหาหนังสือเล่มนี้มาไว้ครอบครองเพราะเนื้อหาในเล่มใช้ถ้อยคำการเล่าเรื่องแบบง่ายๆ เน้นการสร้างรากฐานที่มั่นคงแข็งแรงให้กับคนที่อยากเรียนรู้ Excel สามารถต่อยอดการเรียนรู้ Excel ไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้ง่ายเจอโจทย์พลิกแพลงแบบไหนก็แก้ได้”---------------------สำเริง ยิ่งถาวรสุข (อาจารย์ เอก แห่ง Excel for HR)อาจารย์สอน Excel ที่เป็นที่ยอมรับในสังคมคน Excelรายละเอียดสารบัญ=============http://www.inwexcel.com/product/excel-level-up-book/

วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

คอมพิวเตอร์เพื่อการออกแบบ เริ่มต้นเขียนแบบด้วย 2D AutoCAD และ 3D SketchUp



คอมพิวเตอร์เพื่อการออกแบบ เริ่มต้นเขียนแบบด้วย 2D AutoCAD และ 3D SketchUp

คำนำ
ตำราเรียนเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา IN213 Computer Aided Design ซึ่งเป็นวิชาเอกบังคับในหลักสูตรปริญญาศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาการออกแบบตกแต่งภายใน มหาวิทยาลัยกรุงเทพ โดยจุดประสงค์ของวิชานี้เพื่อมุ่งเน้นให้นักศึกษา ศึกษาและปฏิบัติการใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการออกแบบตกแต่งภายใน การเขียนแบบเบื้องต้น ทั้งในลักษณะ 2 มิติและ 3 มิติ รวมทั้งการนำข้อมูลที่ได้จากคอมพิวเตอร์ไปใช้ประโยชน์ต่าง ๆ เช่น การนำเสนอผลงาน และการเขียนแบบเพื่อการก่อสร้าง

โดยเนื้อหาของตำราเล่มนี้เขียนขึ้นสำหรับผู้ที่เริ่มต้นการใช้ AutoCAD สำหรับการเขียนแบบก่อสร้าง รวมถึงการสร้างงาน 3 มิติด้วยโปรแกรม Google Sketchup โดยอ้างอิงจากโปรแกรม AutoCAD Release 2008 LT และ Google Sketchup 6 Pro เป็นหลัก

เนื้อหาในหนังสือจะเน้าเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับงานสำหรับผู้ที่กำลังศึกษษในสายอาชีพของงานสถาปัตยกรรมภายในหรืออินทีเรียเป็นหลักเพื่อให้สามารถใช้โปรแกรมได้อย่างเมาะสม โดยจะเน้นการปูพื้นฐานการเขียนแบบและการทำงาน AutoCAD และ SketchUP  จากคำสั่งพื้นฐานไปสู่คำสั่งซับซ้อนขึ้น จากบทที่หนึ่งไปจนจบและอ้างอิงกับตัวแบบฝึกหหัดในแต่ละบทเพื่อให้เกิดความสอดคล้องและความเข้าใจทีละขั้นตอนของการเขียนแบบด้วย AutoCAD และ SketchUP

สารบัญ
บทที่ 1 CAD Introduction 
1.1 ประวัติของ CAD (Computer Aided Design)
1.2 ประวัติโปรแกรมเขียนแบบ Autodesk AutoCAD
1.3 ความแตกต่างระหว่าง AutoCAD 2008 และ AutoCAD LT 2008 version
  • 1.3.1 ฟังก์ชั่นใหม่ที่เพิ่มเติมใน AutoCAD LT 2008
1.4 การติดตั้งและการเข้าสู่โปรแกรม AutoCAD LT 2008 
  • 1.4.1 เครื่องและหน่วยความจำที่จำเป็น (System Requirements)
  • 1.4.2 กระบวนการติดตั้งโปรแกรม AutoCAD LT 2008
  • 1.4.3 การเข้าสู่โปรแกรม AutoCAD LT 2008
1.5 ตั้งค่าก่อนเริ่มเขียนงาน AutoCAD | Option Seatting
  • 1.5.1 จัดเครื่องมือเขียนแบบหน้าจอ
  • 1.5.2 Option Setting : ตั้งค่าก่อนเริ่มทำงาน
สรุปบทท้าย

บทที่ 2 เริ่มต้นเขียนแบบ 2 มิติ ด้วยคำสั่งพื้นฐาน Draw & Modify
2.1 ตั้งค่าตัวช่วยก่อนเริ่มต้นเขียนแบบ
  • 2.1.1 Snap, Grid, Ortho, Polar : ตัวช่วยในการเขียนแบบ 
  • 2.1.2 การตั้ง Opject Snap หรือ OSNAP
2.2 รูปแบบของการเลือวัตถุใน AutoCAD

  • 2.2.1 การคลิก (Click) เลือกวัตถุ
  • 2.2.2 การครอบ (Crop)  เลือกวัตถุ
2.2.2.1 ครอบแบบ Windows Selection

2.2.2.2 ครอบแบบ Cross Selection
2.3 Zoom การย่อ/ขยายหน้าจอด้วยวิธีต่างๆ 
  • 2.3.1 การใช้ Mouse  ในการย่อ/ขยายการมอง (Zoom)
  • 2.3.2 การย่อหรือขยายด้วยคำสั่ง Zoom
2.4 Line : การเขียนเส้น
2.5 Construction Line : เส้นตรงที่ยาวไม่มีที่สิ้นสุด (คำสั่งในการ Draw)
2.6 Polylines : เส้นต่อเนื่อง (คำสั่งในการ Draw)
2.7 Circle : วงกลม (คำสั่งในการ Draw)
2.8 Polygons : รูปทรงหลายเหลี่ยมด้านเท่า (คำสั่งในการ Draw)
2.9 Rectangle : สี่เหลี่ยม (คำสั่งในการ Draw)
2.10 Ellipse : วงรี (คำสั่งในการ Draw)
2.11 Arc : เส้นโค้ง (คำสั่งในการ Draw)
2.12 Spline : เส้นโค้งแบบ Free Form (คำสั่งในการ Draw)
2.13 Move : เคลื่อนย้ายวัตถุ (คำสั่งในการ Modify)
2.14 Copy : คัดลอกวัตถุ (คำสั่งในการ Modify)
2.15 Offset : คัดลอกเส้นในแนวนอน (คำสั่งในการ Modify)
  • 2.15.1 Offset โดยใส่ระยะห่าง
  • 2.15.2 Offset โดยกำหนดระยะ ตามตำแหน่งที่เราต้องการ
2.16 Mirror : คัดลอกวัตถุแบบกระจกเงา (คำสั่งในการ Modify)
2.17 Rotate : หมุนวัตถุ (คำสั่งในการ Modify)
2.18 Trim / Extend (คำสั่งในการ Modify)
  • 2.18.1 Trim : ตัดเส้นเกิน
  • 2.18.2 Extend : ยืด/ต่อเส้นให้ยาวขึ้น
2.19 Explode : ระเบิดวัตถุให้เป็นเส้น (คำสั่งในการ Modify)
2.20 Erase : ลบวัตถุ
2.21 Inquiry : การวัดขนาด
  • 2.21.1 Distance : วัดระยะ
  • 2.21.2 Area : หาพื้นที่
2.21.2.1 หาพื้นที่โดยเลือกไปทีละจุด
2.21.2.2 หาพื้นที่โดยการเลือกวัตถุ
  • 2..21.3 List : รายละเอียดต่างๆ ของวัตถุ
  • สรุปท้ายบท
  • แบบฝึกหัด Class Assignment
บทที่ 3 Draw, Modify, Block & Insertion

3.1 Hatch : สร้างลาย Pattern (คำสั่งในการ Draw)
3.2 Point : การเขียนจุด (คำสั่งในการ Draw)
  • 3.2.1 Point Style : การเลือกรูปแบบของจุด
3.3 Divide : แบ่ง/หารเส้นตามจำนวนที่ต้องการ (คำสั่งในการ Draw)
3.4 Measure : แบ่งเส้นด้วยระยะห่างที่ต้องการ (คำสั่งในการ Draw)
3.5 Array : คัดลอกวัตถุในปริมาณและรูปแบบที่แน่นอน (คำสั่งในการ Modify)
  • 3.5.1 Rectangular Array
  • 3.5.2 Polar Array
3.6 Stretch : ยืดวัตถุ (คำสั่งในการ Modify)
3.7 Scale : ย่อ/ขยายวัตถุ (คำสั่งในการ Modify)
  • 3.7.1 การย่อ/ขยายแบบ Scale Factor
  • 3.7.2 การย่อ/ขยายแบบ Reference (การขยายแบบอ้างอิงกำหนดขนาดตามต้องการ)
3.8 Chamfer : ลบมุมให้เหลี่ยม (คำสั่งในการ Modify)
3.9 Fillet : ลบมุมแบบมนให้เป็นส่วนโค้ง (คำสั่งในการ Modify)
3.10 Match Properties : แปรงวิเศษแปลงสถานะ
3.11 Block : การสร้างไฟล์สำหรับไว้ใช้กับงานอื่นๆ (คำสั่งในการ Draw)
  • 3.11.1 การสร้าง Block แบบเก็บไว้ในงาน - Make Block
  • 3.11.2 Dynamic Block : Block ที่สามารถเปลี่ยนสถานะได้
  • 3.11.3 การสร้าง Block แบบเก็บเป็นไฟล์ DWG - Write Block
3.12 Insert : การใส่วัตถุจากภายนอก
  • 3.12.1 Insert Block : การใส่ Block ในไฟล์เขียนแบบ
  • 3.12.2 Insert Xref : External References เชื่อมโยงไฟล์งานจากภายนอก
3.13 AutoCAD Design Center : การดึงวัตถุที่ต้องการไฟล์อื่น
สรุปท้ายบท
แบบฝึกหัด Class Assignment

บทที่ 4 Layer
  • 4.1 Layer : กระดาษไขเพื่องานทีเป็นระบบ
  • 4.2 รายละเอียดของสัญลักษณ์
  • 4.3 การสร้าง Layer 
  • 4.4 การเขียนงานบน Layer ต่างๆ 
  • สรุปท้ายบท
  • แบบฝึกหัด Class Assignment
บทที่ 5 Plot & Paper Space
  • 5.1 Paper Space : เตรียมกระดาษสำหรับพิมพ์งาน
  • 5.2 การปรับสีของ Paper Space เพื่อให้ง่ายต่อการทำงาน
  • 5.3 Page Setup Manager : ตั้งค่าหน้ากระดาษ
5.3.1 การปรับขนาดหัวปากกา Plot Style Table (Pen assignments)

  • 5.4 การจัดการ Viewport บนหน้ากระดาษ 
  • 5.5 Copy Layout คัดลอกหน้ากระดาษที่ทำเสร็จแล้ว เพื่อใช้ทำหน้าต่อไป
  • 5.6 Plot / Print / พิมพ์งาน
  • 5.7 การ Plot / Print ในลักษณะอื่น ๆ 
สรุปท้ายบท
แบบฝึกหัด Class Assignment

บทที่ 6 การเขียนงานบนหน้ากระดาษ Paper space : Final Touch

6.1 MText : คำสั่งในการเขียนข้อความต่างๆ 
ุ6.2 Revision Cloud : เมฆแสดงจุดที่แก้ไข
6.3 Table : การเขียนตาราง
  • 6.3.1 การสร้างตารางใหม่
  • ุ6.3.2 การสร้างตารางจากข้อมูลในไฟล์ Excel
  • 6.3.3 การสร้างตารางจากงาน AutoCAD
6.4 Dimension : การใส่ขนาดสำหรับแบบก่อสร้าง
  • ุ6.4.1 Dimension Style : ตั้งค่าของเส้นบอกระยะก่อนเริ่มต้นเขียน Dimension 
  • 6.4.2 การเขียนเส้นบอกระยะ Dimension ในรูปแบบต่างๆ 
6.4.2.1 Linear Dimension
6.4.2.2 Align Dimension 
6.4.2.3 Radius Dimension
6.4.2.4 Diameter Dimension
6.4.2.5 Angular Dimension
6.4.2.6 Dimension Break

6.5 การเขียน Specification
  • 6.5.1 Qleader
  • 6.5.2 Multileader
6.5.2.1 การเขียน Mleader
6.5.2.2 เพิ่มเส้นลูกศรด้วย Add Leader
6.5.2.3 Multileader Style Manager

สรุปท้ายบท
แบบฝึกหัด Class Assignment




 บทที่ 7 SketchUP Getting Started : เริ่มต้นสู่ SketchUP
7.1 SketchUP Introduction
7.2 ความแตกต่างระหว่าง Google SketchUP Pro และ Google SketchUP (Free version)
  • 7.2.1 ลักษณะเด่นของ Google SketchUP Pro 6
7.3 การติดตั้งและการเข้าสู่โปรแกรม Google SketchUP 6
  • 7.3.1 เครื่องและหน่วยความจำเป็น (System Requirements)
  • 7.3.2 กระบวนการติดตั้งโปรแกรม Google SketchUP Pro 6
  • 7.3.3 การเข้าสู่โปรแกรม Google SketchUP Pro 6
7.4 ตั้งค่าต่างๆ ก่อนเริ่มต้นทำงาน
  • 7.4.1 จัดเครื่องมือเขียนแบบหน้าจอ
  • 7.4.2 Tool Set : ปรับเปลี่ยนเพิ่มคำสั่งเพื่อความสะดวกในการทำงาน
  • 7.4.3 Model Info : ตั้งค่าพื้นฐาน
7.5 Zoom, Orbit และ Pan
  • 7.5.1 Zoom : ย่อหรือขยายมุมมอง
  • 7.5.2 Orbit : ปรับมุมมอง 3 มิติ
  • 7.5.3 Pan : เลื่อนหน้าจอ
  • 7.5.4 Zoom Extents : ขยายมุมมองเฉพาะจุดที่ต้องการ
7.5.4.1 Zoom Extents : ขยายมุมมองเฉพาะจุดที่ต้องการ
7.6 Select : การเลือกวัตถุในรูปแบบต่างๆ
7.7 Instructor : ตัวช่วยแนะนำการทำงานในทุกคำสั่ง
สรุปท้ายบท

บทที่ 8 เริ่มต้นสร้างงาน 3D ด้วย SketchUp
8.1 หลักการและวิธีการสร้างรูปทรง 3 มิติแบบง่ายๆ
8.2 Line : การเขียนเส้นตรง
8.3 Rectangle : การเขียนสี่เหลี่ยม
8.4 Circle : การเขียนวงกลม
8.5 Arc : การเขียนเส้นโค้ง
8.6 Polygon : สร้างรูปทรงเรขาคณิต
8.7 Freenand : เขียนเส้นอิสระ
8.8 Eraser : ยางลบ
8.9 Push/Pull : ดึง + ดัน เพื่อสร้างรูปทรง 3 มิติ
  • 8.9.1 Pull : ดึงพื้นผิมให้มีความหนา
  • 8.9.2 Push : ดันพื้นผิมให้ยุบ
8.10 Move/Copy :  เคลื่อนวัตถุ ปรับรูปทรง และคัดลอก
  • 8.10.1 Move : เคลื่อนย้ายวัตถุและเส้น
  • 8.10.2 Copy : คัดลอกวัตถุด้วยคำสั่ง Move/Copy
8.11 Rotate : หมุนวัตถุให้ได้องศา
8.12 Flip Along : (Mirror) พลิกวัตถุ
8.13 Scale : ปรับขนาดวัตถุ
8.14 Offset : สร้างเส้นขอบบนพื้นผิว
8.15 Tape Measure : วัดขนาดและสร้างขอบเขต
  • 8.15.1 การใช้ Tape Measure สำหรับการสร้างขอบเขตในการทำงาน
  • 8.15.2 การใช้ Tape Measure เพือ่ช่วยในการกำหนดจุดอ้างอิง
8.16 Area : การหาพื้นที่
8.17 Paint Bucket : การเทสีและลวดลายลงในพื้นผิวของวัตถุ
  • 8.17.1 Create Materials : การสร้างลวดลายใหม่
  • 8.17.2 ตั้งค่าการใส่ Texture
8.18 Group : รวมกลุ่มวัตถุให้เป็นหนึ่งเดียว
สรุปท้ายบท
แบบฝึกหัด Class Assignment

บทที่ 9 SketchUp Advance Modification
9.1 Follow Me : สร้างรูปทรงตามเส้นทางที่ต้องการ
9.2 Text : การใส่ตัวหนังสือเพื่ออธิบายงาน
9.3 Dimension : การให้ขนาดและระยะ
9.4 3D Text : การสร้างตัวอักษรแบบ 3 มิติ
9.5 Intersect : ตัดรูปทรงด้วยอีกรูปทรง
9.6 Components : การใส่และสร้างวัตถุสำเร็จรูป
  • 9.6.1 Components สำเร็จรูป
  • 9.6.2 Make Component : สร้าง Component ไว้ใช้เอง
9.7 Sandbox : การสร้าพื้นผิว
  • 9.7.1 Fro Contours
  • 9.7.2 สร้างพื้นผิวขึ้นใหม่จากแผ่นระนาบ From Scatch และ Smoove
  • 9.7.3 Stamp : กำหนดจุดวางวัตถุบานพื้นผิว
  • 9.7.4 Drape ฉายภาพลายเส้นลงบนพื้นผิว
9.8 Photo Match : สร้างวัตถุ 3 มิติจากภาพถ่าย
9.9 Import : ดึงไฟล์จากภายนอกมาทำงานต่อ
  • 9.9.1 Import ภาพ ฺBitmap
  • 9.9.2 การ Import ไฟล์ CAD
9.10 Layer : แบ่งแยกงานให้ง่ายต่อการทำงาน
9.11 Outliner
สรุปท้ายบท
แบบฝึกหัด Class Assignment

บทที่ 10 SketchUp - Final Touch
10.1 Face : พื้นผิวของวัตถุ
10.2 Entity Info : ปรับคุณสมบัติของวัตถุ
10.3 View : ปรับเปลี่ยนการมองเห็น
  • 10.3.1 Shadows : มุมมองทีมีเงา
  • 10.3.2 Fog : หมอก
  • 10.3.3 Edge Style : รูปแบบการมองเส้นขอบ
  • 10.3.4 Face Style : รูปแแบการมองพื้นผิว
10.4 Style : สไตล์ สีสันและลายเส้น
10.5 Camera : ปรับมุมมองให้เหมาะสมกับลักษณะงาน
10.6 Section Plane : สร้างรูปตัดวัตถุ
10.7 Walkthrough (Walk) : ชุดคำสั่งกำหนดมุมมอง
  • 10.7.1 Position Camera
  • 10.7.2 Look Around
  • 10.7.3 Walk
10.8 การสร้างมุมมอง Scene
10.9 Export : ส้รางไฟล์งานในรูปแบบต่าง ๆ 
  • 10.9.1 2D Graphic : การเก็บภาพที่ทำได้ให้เป็นไฟล์ภาพ 2 มิติ
  • 10.9.2 3D Model : สร้างไฟล์งาน 3 มิติ
  • 10.9.3 Section Slice ; การสร้างรูปตัด Section
  • 10.9.4 Animation : การสร้างภาพเคลื่อนไหว
  • 10.10 Laout : โปรแกรมพิมพ์งานของ SketchUp
สรุปท้ายบท
แบบฝึกหัด Class  Assignment
เอกสารอ้างอิง
ภาคผนวก 
Autocad hotkey
ปัญหาภาษาไทยใน AutoCAD และการ Plot
ตัวอย่างการเขียน Heading มาตรฐานสำหรับการเขียนแบบก่อสร้าง


บทที่ 1 CAD Introduction
1.1 ประวัติของ CAD (Computer Aided Design)
การเขียนแบบก่อสร้างหรือ Working Drawing ถือเป็นการสร้างคู่มือในการก่อสร้างทีมีมาตั้งแต่ยุคโบราณและใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารระหว่างนักออกแบบกับช่างก่อสร้าง โดยอดีตกาลนั้นการเขียนแบบจึงถูกสร้างโดยช่างแบบ (Draftsman) หรือตัวนักออกแบบเองโดยเขียนลงบนกระดาษไขเพื่อทำการจัดพิมพ์เพื่อนำไปก่อสร้างต่อไป

การเขียนแบบเริ่มก้าวสู่ยุคของการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อการเขียนแบบหลังจากที่มีการพัฒนาคอมพิวเตอร์เพื่อการทหารในช่วงทศวรรษที่ 50 ได้มีการนำเทคโนโลยีที่ใช้ในการทหารสำหรับเรด้าตรวจจับวัตถุและเทคโนโลยีกราฟิกทางการทหารนี้มาพัฒนาเพื่อการใช้สำหรับงานเขียนแบบโดยเริ่มต้นพัฒนาจากสถาบัน MIT ในช่วงทศวรรษที่ 60 โดยเป็นการทำงานในลักษณะกราฟฟิกแบบ Vector (การเก็บข้อมูลกราฟิกโดยเก็บข้อมูลพิกัด) และการเขียนแบบโดยใช้คอมพิวเตอร์นี้ถูกเรียกเป็นคำย่อว่า CAD ซึ่งย่อมาจาก Computer Aided Design หรือ Coputer Aided Drafting ซึ่งมีความหมายว่าคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยในการออกแบบ

CAD ในปัจุบัน คือ เทคโนดลยีสำหรับการทำงานบนคอมพิวเตอร์ในรูปแบบตั้งแต่งานเขียนแบบเส้น (Vector) 2 มิติ ไปจนถึงงานสร้างวัตถุและพื้นผิวแบบ (Solid Surface) 3 มิติ และเป็นเทคโลยีที่นิยมใช้ในวงการสถาปัตยกรรมไปจนถึงงานวิศกรรมตั้งแต่การเขียนแบบ การสร้างวัตถุเพื่อการจำลองและการนำเสนอ ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน CAD เป็นมากกว่าเครื่องมือในการเขียนแบบธรรมดาและกลายเป็นเครื่องมือในการออกแบบที่ช่วยให้การทำงานสะดวกรวดเร้วมากขึ้น

1.2 ประวัติ AutoDesk AutoCAD
สำหรับโปรแกรม AutoCAD นั้นได้รับการพัฒนาเพื่อใช้กับคอมพิวเตอร์แบบ PC (Personal Computer) ในปี 1982 โดยบริษัท AutoDesk โดยในช่วงแรกนั้นจะทำงานบนระบบปฏิบัติการแบบ DOS (Disk Operating System) และในช่วงแรกจะเป็นการทำงานด้วยคำสั่งพื้นฐานง่ายๆ โดยเป็นการสร้างรูปทรงเราขาคณิตในลักษณะ 2 มิติ และในการทำงานจะเป็นการพิมพ์คำสั่งบนแป้พิมพ์มากกว่าการใช้เมาส์ในการคลิกคำสั่ง ดังเช่น คอมพิวเตอร์บนระบบ Window อย่างทุกวันนี้

โปรแกรม AutoCAD เป็นโปรแกรมประเภทช่วยเหลือในด้านการออกแบบที่ได้รับความนิยมในสายงานผลิตและก่อสร้างมาตั้งแต่ยุคของ DOS จนมาถึงปัจจุบันในยุคของ Windows Vista ซึ่งก็ได้พัฒนาปับปรุงรูปแบบการใช้งานในแต่ละ Release ให้เหมาะสม สะดวกสบาย และลดความซับซ้อนในการทำงานยิ่งขึ้นตามการพัฒนาประสิทธิภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง


คอมพิวเตอร์เพื่อการออกแบบ เริ่มต้นเขียนแบบด้วย 2D AutoCAD และ 3D SketchUp
ผู้ช่วยศาสตราจารย์มาณพ ศิริภิญโญกิจ
www.mebmarket.com