วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ล้มเหลวแล้วต้องเรียนรู้ by John C" Maxwell


ล้มเหลว แล้วต้อง เรียนรู้

John C. Maxwell

จากความพ่ายแพ้ สู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต
คำนำสำนักพิมพ์
บ่อยครั้งเวลาคนเราล้มเหลว เรามักได้ยินคำพูดทำนองว่า "คนเราชนะบ้าง แพ้บ้าง ไม่เห็นเป็นไร" จากนั้นล้มเลิกความต้องใจ หรือไม่ก็พยายามเดินหน้าต่อไปด้วยวิธีการแบบเดิมๆ ลืมไปว่าสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อเกิดความล้มเหลวขึ้นแล้ว ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาด เพื่อจะได้ไม่ทำผิดซ้ำซาก พัฒนาตัวเองและก้าวไปให้ถึงจุดหมายที่ตั้งไว้

หนังสือ ล้มเหลวแล้วต้องเรียนรู้  ช่วยให้ไม่หวาดกลัวความล้มเหลว และช่วยใหตระหนักว่า กระบวนการเรียนรู้จะมีอยู่ตลอดไป ไม่มีวันจบสิ้น ไม่มีตรงไหนในชีวิตที่ไม่มีบทเรียน หากยังมีชีวิตอยู่ แสดงว่ายังมีโอกาสเรียนรู้รอคอยอยู่เบื้องหน้า และทุกครั้งที่ล้มเหลวหรือผิดพลาด คุณจะคอยถามตัวเองเสมอว่า "เราได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง"

ดร.แม็กซ์เวล ได้นำประสบการณ์ด้านภาวะผู้นำเกือบ 50 ปีมาสร้างแนวทางสู่ชัยชนะโดยเจาะลึกองค์ประกอบ 11 ข้อ อันป็นหัวใจสำคัญของผู้ที่ชอบเรียนรู้ บุคคลเหล่านี้สร้างความสำเร็จได้ในยามเผชิญปัญหา พบความล้มเหลวและพ่ายแพ้ องค์ประกอบเหล่านั้นได้แก่

ความอ่อนน้อมถ่อมตน: จิตวิญญาณแห่งการเรียนรู้
ความเป็นจริง: รากฐานของการเรียนรู้
ความรับผิดชอบ: ขั้นแรกของการเรียนรู้
การปรับปรุง: หัวใจของการเรียนรู
ความหวัง: แรงจูงใจในการเรียนรู้
สอนง่ายและเต็มใจเรียนรู้: เส้นทางแห่งการเรียนรู้
ความทุกข์ยาก: ตัวเร่งในการเรียนรู้
ปัญหา: โอกาสในการเรียนรู้
ประสบการที่ไม่ดี: มุมมองสำหรับการเรียนรู้
การเปลี่ยนแปลง: สิ่งที่ต้องยอมเสียเพื่อจะได้เรียนรู้
ความเป็นผู้ใหญ่: คุณค่าของการเรียนรู้

จอห์น ซี แม็กซ์เวลล์ ยังรักษามาตรฐานการเขียนและรูปแบบการนำเสนอไว้ได้อย่างดีเยี่ยมใน ล้มเหลวแล้วต้องเรียนรู้ เขายังคงเป็นนักเขียนที่ทำให้เรื่องยากกลายเป็นเรืองง่ายและน่าสนใจได้เสมอ

สำหรับผู้อ่านที่คุ้นเคยกับผลงานของจอห์น แม็กซ์เวลล์ ดีอยู่แล้ว ล้มเหลวแล้วต้องเรียนรู้ จะทำให้ได้รู้จักตัวตนของเขามากขึ้นไปอีก การบอกเล่าประสบการณ์ส่วนตัว ความผิดพลาด และความล้มเหลว ทำให้รู้สึกว่า จอห์น แม็กซ์เวลล์ ดีอยู่แล้ว ล้มเหลวแล้วต้องเรียนรู้  จะทำให้ได้รู้จักตัวตนของเขามากขึ้นไปอีก การบอกเล่าประสบการณ์ส่วนตัว ความผิดพลาด และความล้มเหลว ทำให้รู้สึกว่าจอห์น แม็กซ์เวลล์เป็นเพื่อนกับเรา เรื่องราวของเขาทำให้รู้ว่าไม่ว่าใครก็ทำผิดพลาดได้ทั้งนั้น ทั้งยังทำให้เรามีความหวังและเกิดกำลังใจอยาากนำความผิดพลาดมาเป็นบทเรียนในการพัฒนาตนเอง

ด้วยความปรารถนาดี
เนชั่นบุ๊คส์


สารบัญ
1. ยามปราชัย ทุกอย่างล้วนเลวร้าย
2. ความอ่อนน้อมถ่อมตน: จิตวิญญาณแห่งการเรียนรู้
3. ความเป็นจริง: รากฐานของการเรียนรู้
4. ความรับผิดชอบ: ขั้นแรกของการเรียนรู้
5. การปรับปรุง: หัวใจของการเรียนรู้
6. ความหวัง: แรงจูงใจในการเรียนรู้
7. สอนง่ายและเต็มใจเรียนรู้: เส้นทางแห่งการเรียนรู้
8. ความทุกข์ยาก: ตัวเร่งในการเรียนรู้
9. ปัญหา: โอกาสในการเรียนรู้
10. ประสบการณ์ที่ไม่ดี: มุมมองสำหรับการเรียนรู้
11. การเปลี่ยนแปลง: สิ่งที่ต้องยองเสียเพื่อจะได้เรียนรู้
12. ความเป็นผู้ใหญ่: คุณค่าของการเรียนรู้
13. การชนะไม่ใช่ทุกสิ่ง การเรียนรู้ต่างหากที่เป็นอย่างนั้น

หมายเหตุจากผู้เขียน
ผมมีโอกาสพบปะจอห์น วูเด็น อดีตโค้ชบาสเก็ตบอลของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส เป็นประจำอยู่หลายปี ก่อนไปพบกันหนึ่งวันผมจะเตรียมคำถามที่เหมาะสมไปด้วย เพราะตระหนักดีว่า การได้เรียนรู้จากที่ปรึกษาอย่างจอห์นเป็นสิทธิ์พิเศษที่หายากตริงๆ 

โค้ชชมว่า "ความคิดนี้เยี่ยมจริงๆ และจะช่วยผู้คนได้" ต่อมาผมแปลกใจมากเมื่อเขาพูดว่า "ผมขอเขียนคำนิยมให้หนังสือเล่มนี้ได้ไหม"

แน่นอน ผมตอบตกลงเพราะช่างเป็นเกียรติจริงๆ!

โค้ชเขียนคำนิยมให้ตามสัญญา แล้วอีกไม่ก็เดือนต่อมาก็เสียชีวิตลง ผมรู้สึกว่าโค้ชยกย่องผมมากเกินไปและตระหนักว่า นี่คงเป็นหนึ่งในบรรดาสิ่งสุดท้ายที่เขาเขียนไว้

แต่โลกของการเขียนหนังสือเป็นเรื่องตลก เพราะสำนักพิมพ์ตัดสินใจว่าอยากให้ผมเขียนเรื่อง The 5 Level of Leadership ก่อน แล้วค่อยเป็นเรื่อง The 15 Invaluable Laws of Growth เลยต้องพักเรื่องนี้ไว้ แต่ในที่สุดหลังจากล่าช้ามา 2 ปี ผมก็ได้เขียนหนังสือเล่มนี้เสียที

นี่เป็นที่มาของการที่จอห์น วูเด็น มาเขียนคำนิยมให้ ผมซาบซึ้งกับความคิดของเขา แม่จอห์นจะจากโลกนี้ไป แต่เราไม่มีวันลืมเขาแน่นอน

คำนิยมโดยโค้ช จอห์น วูเด็น
ผมภูมิใจที่ได้เป็นเพื่อนกับจอห์น ซี. แม็กซ์เวลล์ 

ไม่ใช่แค่เพราะเขาเขียนหนังสือเกี่ยวกับภาวะผู้นำและบุคลิกภาพมากกว่า 50 เล่มแล้ว ซึ่งน่าประทับใจมาก ไม่ใช่แค่เพราะถ้อยคำของเขาเป็นกำลังใจและเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนนับล้านๆ หันมาประเมินทางเลือกและจัดลำดับความสำคัญของตัวเองใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่แค่เพราะเขายึดมั่นในหลักการและความศรัทธา ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่น่าชื่นชม แต่ผมภูมิใจที่ได้เป็นเพื่อนกับจอห์น เพราะเขาเข้าใจสิ่งที่สำคัญที่สุดว่า ชีวิตคือการเรียนรู้แล้วนำบทเรียนมาใช้เพื่อให้ตัวเองเป็นนายจ้างที่ดีขึ้น พ่อแม่ที่ดีขึ้น พี่น้องที่ดีขึ้น เพื่อนที่ดีขึ้น เพื่อนบ้านที่ดีขึ้น และคนที่เห็นคุณค่าของพรจากพระเจ้ามากขึ้น

ปรัชญานี้เป็นรากฐานอันมั่นคงในชีวิตของผม และขอยกย่องจอห์นที่เฝ้าเตือนเราเป็นอย่างดีว่า จะเรียนรู้ให้มากขึ้นได้อย่างไร ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นโค้ช แต่เป็นครูทีมีสนามบาสเก็ตบอลเป็นห้องเรียนพื้นฐาน และขณะเดียวกันก็เข้าใจว่าตัวเองเป็นนักเรียนตลอดการด้วย ทุกวันผมพยายามเรียนรู้อะไรใหม่ๆ หามุมมองที่แตกต่าง หรือเข้าใจโลกให้ลึกซึ่งขึ้น การคิดแบบนั้นทำให้ใจเรายังเยาว์วัย มองโลกในแง่ดีและเบิกบานอยู่เสมอ ทุกครั้งที่จอห์นแวะมา เขาจะเอาสมุดฉีกสีเหลืองที่เขียนคำถามไว้มากมายมาด้วย และวางแผนว่าจะถามอะไรผมบ้าง ผมจึงมักหัวเราะเบาๆ เวลาเห็นมืออาชีพชั้นนำคนหนึ่งของโลกทีมีความรู้มากมาย แต่ยังกระตือรือร้นใฝ่หาความเข้าใจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และเต็มใจตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบ ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจอันยอดเยี่ยมว่าผมควรทำอย่างนั้นเช่นกัน

อย่าลืมว่าการเรียนรู้ไม่จบสิ้นลงหลังเราได้รับใบประกาศจากโรงเรียน แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้อันแท้จริงต่างหาก บทเรียนจากโรงเรียนไม่อาจทำให้เรารอดชีวิตไปได้ เพียงแต่ให้เครื่องมือพื้นฐานสำหรับการออกไปเผชิญโลกจริงภายนอกห้องเรียน และโลกที่แท้จริงจะทิ่มแทงให้เราเจ็บปวด จะกระแทกเราจนชอกช้ำและบางครั้งจะชนเราล้มลง เราจะเจอความพ่ายแพ้ทุกรูปแบบและทุกขนาด ถาโถมเข้ามาโจมตีทุกแง่มุมของชีวิต นับแต่การเงินไปจนถึงหัวใจ สุขภาพ และอื่นๆ อีกมากมาย รับประกันได้ว่าจะต้องเป็นไปอย่างนั้นแน่นอนแต่รับประกันไม่ได้ว่าคุณจะจัดการกับความท้าทายนั้นอย่างไร

จอห์นได้แลกเปลี่ยนความเห็นไว้ในหนังสือเล่มนี้ว่า มีความแตกต่างอย่างเด่นชัดระหว่าง มีความแตกต่างอย่างเด่นชัดระหว่างคนที่เรียนรู้จากความพ่ายแพของตัวเองกับคนที่ไม่ทำแบบนั้นคำถามคือ คุจะมัวเลียแผลหลังจากต่อสู้จนหมดแรงและไม่อยากลุกขึ้นมาลองอีกแล้ว หรือจะคว้าโอกาสไว้เพื่อศึกษา ประเมิน และทบทวน บทเรียน และใช้ความรู้นั้นเป็นอาวุธมาต่อสู้กับอุปสรรคในชีวิตอีกครั้ง

องค์ประกอบต่างๆ ของการเรียนรู้ที่จอห์นสรุปไว้ในหนังสือเล่มนี้เป็นข้อสังเกตุที่ลึกซึ้งให้เราเห็นว่า กระบวนการต่างๆ เกิดขึ้นได้อย่างไร และก่อให้เกิดบุคลิกภาพหรือคุณลักษณะอไรบ้าง เขาวิเคราะห์เจาะลึก "ดีเอ็นเอของพวกคนที่เรียนรู้" และสรุุปได้กระชับ จอห์นพาเราไปรู้จักองค์ประกอบต่างๆ ที่จำเป็นต่อการรับมือกับความพ่ายแพ้หลากหลายรูปแบบ แล้วเปลี่ยนบทเรียนไปเป็นอาวุธอันมีค่า เพื่อใช้ขจัดปัญหาและต่อสู้กับความท้าทายในอนาคต

ผมขอท้าทายคนที่เคยทุกข์ทรมานจากความปราชัย ความผิดหวัง หรือข่าวร้าย ก็คือ มนุษย์ทุกคนในโลก ให้ลองอ่านข้อความของจอห์นแล้วดูว่าเป็นไปได้ไหมที่คุณจะไม่เจอข้อคิดอะไรเลยที่ช่วยให้คุณเปลี่ยนมุมมองต่อช่วงชีวิตที่มืดมนได้อย่างรวดเร็วและมากมาย

ถ้าทำตามคำแนะนำของจอห์น และมองเห็นความพ่ายแพ้เป็นโอกาสที่จะเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเอง เราจะไม่แพ้อีกต่อไป ชีวิตเต็มไปด้วยปัญหาและความพ่ายแพ้เสมอ แต่หากมีอาวุธที่เหมาะสม เราจะไม่แพ้ เพราะคนที่เรียนรู้ได้ เพราะคนที่เรียนรู้ได้ในยามยากจะสลัดปัญหาและความพ่ายแพ้ที่เคยควบคุมจิตใจ ร่างกายหัวใจและวิญญาณของตัวเองออกไปได้

หนังสือของจอห์นไม่ได้เป็นแค่คู่มือการปฏิบัติเพื่อให้ผ่านพ้นยามยากไปได้เท่านั้น แต่ยังให้ความหวัง ซึ่งเป็นของขวัญที่มีค่าสูงสุดอีกด้วย

ซื้อหนังสือล้มเหลวแล้วต้องเรียนรู้ (ฉบับเล่ม)


อีบุ๊คล้มเหลวแล้วต้องเรียนรู้
JOHN C. MAXWELL
www.mebmarket.com
บ่อยครั้งเวลาคนเราล้มเหลว เรามักได้ยินคำพูดทำนองว่า “คนเราชนะบ้าง แพ้บ้าง ไม่เห็นเป็นไร” จากนั้นล้มเลิกความตั้งใจ หรือไม่ก็พยายามเดินหน้าต่อไปด้วยวิธีการแบบเดิมๆ ลืมไปว่าสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อเกิดความล้มเหลวขึ้นแล้ว ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาด เพื่อจะได้ไม่ทำผิดซ้ำซาก พัฒนาตัวเอง และก้าวไปให้ถึงจุดหมายที่ตั้งใจไว้หนังสือ ล้มเหลวแล้วต้องเรียนรู้ ช่วยให้ไม่หวาดกลัวความล้มเหลว และช่วยให้ตระหนักว่า กระบวนการเรียนรู้จะมีอยู่ตลอดไป ไม่มีวันจบสิ้น ไม่มีตรงไหนในชีวิตที่ไม่มีบทเรียน หากยังมีชีวิตอยู่ แสดงว่ายังมีโอกาสเรียนรู้รอคอยอยู่เบื้องหน้า และทุกครั้งที่ล้มเหลวหรือผิดพลาด คุณจะคอยถามตัวเองเสมอว่า “เราได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง”จอห์น ซี แม็กซ์เวลล์ ยังรักษามาตรฐานการเขียนและรูปแบบการนำเสนอไว้ได้อย่างดีเยี่ยมใน ล้มเหลวแล้วต้องเรียนรู้ เขายังคงเป็นนักเขียนที่ทำให้เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่ายและน่าสนใจได้เสมอสำหรับผู้อ่านที่คุ้นเคยกับผลงานของจอห์น แม็กซ์เวลล์ ดีอยู่แล้ว ล้มเหลวแล้วต้องเรียนรู้ จะทำให้ได้รู้จักตัวตนของเขามากขึ้นไปอีก การบอกเล่าประสบการณ์ส่วนตัว ความผิดพลาด และความล้มเหลว ทำให้รู้สึกว่าจอห์น แม็กซ์เวลล์เป็นเพื่อนกับเรา เรื่องราวของเขาทำให้รู้ว่าไม่ว่าใครก็ทำผิดพลาดได้ทั้งนั้น ทั้งยังทำให้เรามีความหวังและเกิดกำลังใจอยากนำความผิดพลาดมาเป็นบทเรียนในการพัฒนาตนเอง

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น