วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) - วอลเตอร์ ไอแซคสัน


บทที่ 1
วัยเด็ก
ถูกทิ้ง ถูกเลือก

ลูกบุญธรรม

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนที่พอล จ๊อบส์ ปลดประจำการจากเรือประจำกองกำลังรักษาชายฝั่งในซานฟรานซิสโก เขาพนันกับเพื่อนร่วมงานในเรือว่าจะหาสาวแต่งงานให้ได้ภายในสองอาทิตย์ พอลเป็นช่างยนต์ สูงหกฟุต ร่างกายล่ำสัน มีรอยสักดูคล้ายดาราภาพยนต์ชื่อ เจมส์ ดีน ไม่ใช่เพราะรูปร่างหน้าตาที่ทำให้เขาได้ควงคลาร่า ฮาโกเบียน สาวน้อยอารมณ์ดี ลูกสาวของผู้อพยพชาวอาร์เมเนีย แต่เป็นเพราะกลุ่มเพื่อนที่คลาร่าตั้งใจจะไปเที่ยวด้วยในเย็นวันนั้นไม่มีรถ บังเอิญเขาและเพื่อนมีรถ แค่ 10 วันหลังจากนั้น พอล จ็อบส์ และคลาร่า ฮาโกเปียน ก็หมั้นหมายในเดือนมีนาคม 1946 พอลชนะพนันทั้งสองแต่งงานและอยู่กินกันมากกว่า 40 ปีจนตายจากกันไป

พอล เรนโฮลด์ จ็อบส์ เติบโตในฟาร์มโคนมแห่งหนึ่งในเมืองเจอร์มันทาวน์ รัฐวิสคอนซิน แม้ว่าพ่อจะติดเหล้าและมีอารมณ์รุนแรงในบางครั้ง แต่เขาก็เติบโตเป็นหนุ่มที่สุภาพ เยือกเย็นภายใต้ร่างอันบึกบึน หลังออกจากโรงเรียนมัธยม เขาร่อนเร่หางานทำไปทั่วเขตมิดเวสต์ ได้งานเป็นช่างยนต์จนอายุ 19 ปี จึงมาทำงานกับกองกำลังรักษาชายฝั่ง แม้ตัวเองจะว่ายน้ำไม่เป็นเลยก็ตาม เขาประจำการอยู่ในเรือ USS General M.C. Meigs  ใช้เวลาส่วนใหญ่กับภารกิจลำเลียงพลไปสมทบกับกองกำลังของพลเอกแพตตันในอิตาลี เขาเป็นช่างเครื่องและพนักงานดับเพลิงที่มีความสามารถ ได้รับคำชมอยู่เสมอ แต่มักจะมีเรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ เกิดขึ้นอยู่เรื่อย จึงไม่ได้ก้าวหน้าในหน้าที่การงานไปถึงระดับพลทหารเสียที

ส่วนคลาร่าเกิดนิวเจอร์ซีย์ พ่อแม่อพยพหนีพวกเติร์กในอาร์เมเนียมาตั้งรกรากในนิวเจอร์ซีย์ ก่อนย้ายไปอยู่ย่านมิสชั่น ดิสตริก ในซานฟรานซิสโก สมัยยังเด็กคลาร่ามีความลับอย่างหนึ่งที่ไม่เคยบอกให้ใครรู้ นั่นคือ เธอเคยแต่งงานมาก่อน แต่สามีคนแรกเสียชีวิตในสงคราม ตอนนัดเจอกับพอล จ๊อบส์ครั้งแรก เธอก็พร้อมแล้วที่จะต้นชีวิตใหม่

พอลและคลาร่าเหมือนกับอีกหลายคนที่มีชีวิตผ่านช่วงสงคราม ทั้งคู่ผ่านประสบการณ์ตื่นเต้นมาพอแล้ว พอสงครามจบจึงอยากลงหลักปักฐาน มีลูก และมีชีวิตโลดโผนน้อยลง แต่เพราะมีเงินไม่พอ เลยต้องอาศัยอยู่กับพ่อแม่ของพอลในวิสคอนซินหลายปีก่อนจะย้ายไปอินเดียน่า พอลได้งานเป็นช่างยนต์ของบริษัท International Harvester เขาหลงใหลในรถยนต์เก่ามาก มีรายได้จากการหาซื้อ ซ่อม และขายรถเก่าในยามว่าง  ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ หันมาเป็นเซซล์แมนขายรถเก่าแบบเต็มตัว

แต่คลาร่าชอบซานฟรานซิสโกมากกว่า ในปี 1952 เธอเกลี้ยกล่อมให้สามีย้ายกลับไปที่นั่น ทั้งสองเช่าอพาร์ตเมนต์ริมมหาสมุทรแปซิฟิกในย่านซันเซต ดิสตริกทางใต้ของสวนสาธารณะโกลเด้นเกต พอลทำงานกับบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง มีหน้าที่ยึดรถจากลูกค้าที่ค้างชำระกู้ เขายังคงรับซื้อ ซ่อม และขายรถเก่าอยู่เหมือนเดิม ทำให้ครอบครัวมีรายได้มากพอเลยทีเดียว

แต่มีอะไรบางอย่างขาดหายไปในชีวิต ทั้งคู่อยากมีลูก แต่คลาร่ามีปัญหาท้องนอกมดลูก ทำให้มีลูกเองไม่ได้ ในปี 1955 หลังจากอยู่กินกันมา 9 ปี พอลกับคลาร่าก็เริ่มคิดเรื่องการรับเด็กมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม

โจแอน ซีเบิล เติบโตในครับครัวผู้อพยพชาวเยอรมันในชนบทของของรัฐวิสคอนซินเมือนกับพอล อาร์เธอร์ ซีเบิล พ่อของเธออพยพมาอยู่ชานเมืองกรีนเบย์ เขาและภรรยามีฟาร์มเลี้ยงมิงค์ และยังมีรายได้ดีจากธุรกิจอีกหลายอย่าง เช่นซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงการสลักภาพ อาเธอร์เป็นคนเข้มงวด โดยเฉพาะเรื่องผู้ชายที่ลูกสาวจะคบหา เขาไม่ยอมรับชายหนุ่มคนแรกของเธอ ซึ่งเป็นศิลปินที่ไม่ได้เป็นแคธอลิค ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกที่เขาขู่จะตัดขาดจากโจแอน ตอนที่เธอตกหลุ่มรักอับดุลฟัตตะห์ "จอห์น" จานดาลี อาจารย์ช่วยสอนเชื้อสายมุสลิมจากซีเรีย ขณะเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน

จานดาลีเป็นคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 9 คนของครอบครัวชาวเรียที่มีอันจะกิน พ่อของเขาเป็นเจ้าของโรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งและยังมีธุรกิจหลายอย่างถือหุ้นจำนวนมากในบริษัทหลายแห่งในเมืองดามัสกัสและฮอมส์ในซีเรีย มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาแทบจะควบคุมและกำหนดราคาข้าวสาลีในพื้นที่แถวนั้นได้ ครอบครัวจานดาลีเหมือนกับครอบครัวซีเบิล คือให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษาลูกหลานของครอบนี้
ถูกส่งไปเรียนหนังสือที่อิสตันบูล หรือมหาวิทยาลัยเซอร์บอนน์ (ในปารีส - ผู้แปล) มาหลายรุ่นแล้ว อับดุลฟัตตะห์ จานดาลี ก็ถูกส่งไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนประจำนิกายเยซูอิต แม้ว่าเขาจะเป็นมุสลิมก็ตาม เขาจบปริญญาตรีจากอเมริกัน ยุนิเวอร์ซิตี้ ในเบรุต ก่อนจะกลับมาเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซินและเป็นผู้ช่วยสอนในวิชารัฐศาสตร์

ฤดูร้อนปี 1954 โจแอนไปเที่ยวซีเรียกับอับดุลฟัตตะห์ พักอยู่ในเมืองฮอมส์ 2 เดือน เธอเรียนวิธีทำอาหารจากครอบครัวของเขา พอกลับมาวิสคอนซินก็รู้ตัวว่าตั้งท้อง ทั้งคู่อายุเพียง 23 ปีเท่านั้น จึงตัดสินใจว่าจะยังไม่แต่่งงาน พ่อของโจแอนเสียใจแทบตาย  ขู่ว่าจะตัดเธอทิ้งจากกองมรดก ถ้าเธอขืนแต่งงานกับอับดุลฟัตตะห์ การทำแท้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักในชุมชนแคธอลิคเล็กๆ ที่เธออาศัยอยู่ ดังนั้นต้นปี 1955 ดังนั้นโจแอนจึงเดินทางไปซานฟรานซิสโก และได้ความช่วยเหลือจากแพทย์ใจดีซึ่งให้ที่พักพิงแกหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ได้แต่งงาน ช่วยทำคลอด และจัดหาคนที่จะมารับอุปการะเด็กเกิดใหม่ต่อไป

แต่โจแอนมีข้อแม้ว่า คนที่จะมารับอุปการะลูกของเธอจะต้องจบการศึกษาระดับปริญญาเท่านั้น แพทยืจึงวางแผนจัดให้ลูกของเธอไปอยู่กับคู่สามีภรรยาที่เป็นนักกฎหมาย แต่ตอนที่เธอคลอดบุตรชาย ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1955 ปรากฎว่าสามีภรรยาคู่นั้นอยากได้เด็กหญิงมากกว่า ลูกชายของเธอที่เกิดในวันนั้นจึงไม่ได้เป็นลูกบุญธรรมของนักกฎหมาย  แต่ได้พ่อบุญธรรมที่เรียนไม่จบชั้นมัธยม แต่คลั่งไคล้เรื่องเครื่องจักรกล มีภรรยาแสนดีเป็นนักบัญชี พอลและคลาร่าตั้งชื่อเด็กชายที่รับมาเป็นลูกบุญธรรมว่า สตีฟ พอล จ็อบส์ 


สตีฟ จ็อบส์ (STEVE JOBS)
วอลเตอร์ ไอแซคสัน
www.mebmarket.com
การเสียชีวิตของสตีฟ จ็อบส์ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2011 ด้วยวัยเพียง 56ปี สร้างความโศกสลดเสียใจแก่ผู้นิยมชมชอบผลงานอันโดดเด่นและอัจฉริยภาพของเขา ผู้คนทั่วโลกกว่าหนึ่งล้านคนร่วมกันส่งข้อความแสดงความประทับใจและรำลึกถึงความสามารถที่เขาได้สร้างไว้บนเว็บไซต์ Remembering Steve ของบริษัท Apple หนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์ทั่วโลกลงข่าวและบทความเกี่ยวกับ สตีฟ จ็อบส์อย่างแพร่หลาย หนังสือเล่มนี้บรรยายภาพชีวิตของอัจฉริยะแห่งโลกไอทีผู้นี้ได้อย่างละเอียดลออ ลึกซึ้งแทบทุกแง่มุม หลายอย่างเป็นตัวอย่างที่ดี บางอย่างก็ให้บทเรียนและข้อคิดสำหรับการดำเนินชีวิตและการทำธุรกิจได้อย่างดียิ่ง.


 สตีฟ จ็อบส์ : Steve Jobs (ปกแข็ง)

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น